SEO แนะวิธีทำคอนเทนต์แบบไม่ได้เน้นเรื่องคีย์เวิร์ด แต่เน้นไปที่ Search Intent

SEO แนะวิธีทำคอนเทนต์แบบไม่ได้เน้นเรื่องคีย์เวิร์ด แต่เน้นไปที่ Search Intent
Jimbe Allen
11/06/2021

ในช่วงหลายปีมานี้ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นวิธีสำคัญในการทำให้เว็บไซต์ เว็บเพจ หรือสื่อออนไลน์ของธุรกิจเป็นที่รู้จักได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ช่วยส่งเสริมยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญของนักการตลาดออนไลน์ในการผลักดันธุรกิจทั้งเรื่องยอดขายและการสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์

หากใครเคยคลุกคลีกับกระบวนการทำ SEO มาก่อน ก็ต้องถามหาเรื่องคีย์เวิร์ดเป็นอันดับแรก แต่ถ้าเราบอกว่าให้ลืมเรื่องคีย์เวิร์ดไปก่อนเพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะกล่าวถึงในบทความนี้ คุณจะเชื่อไหมว่ามีอะไรมากกว่านั้น

เรากำลังพูดถึงวิธีการทำคอนเทนต์แบบไม่ได้เน้นเรื่องคีย์เวิร์ด แต่เน้นไปที่ การทำ Search Intent แทน ซึ่งจะยากหรือง่าย และจะช่วยตอบโจทย์การค้นหาของกลุ่มเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด ขอชวนผู้อ่านมาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน

Search Intent เป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ ใครที่ไม่ได้ติดตามวงการมาระยะหนึ่งอาจไม่รู้จัก หลายท่านกำลังสงสัยว่า Search Intent คืออะไร คำตอบคือ การที่ Search Engine คำนึงถึงเจตนาของผู้ใช้ หมายถึงระบบอัลกอริทึมของ Google จะพิจารณาจากข้อความค้นหา คำเดียว หรือหลายคำประกอบกัน เพื่อคาดเดาสิ่งที่ผู้ใช้กำลังต้องการค้นหา เช่น ต้องการข้อมูลอ่านทั่วไป หรือต้องการซื้อ หรือต้องการขาย เป็นต้น

โดย Google จะประมวลผลและนำเสนอผลการค้นหาให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งเทคนิคในการสร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับ Search Intent มีคำแนะนำดังต่อไปนี้

1.ประมวลผลคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ หรือเว็บไซต์ของเรา แล้วลองค้นหาคำที่เราต้องการใน Google แล้วนำมาประกอบการพิจารณาว่าคอนเทนต์แสดงผลหน้าจอนั้น มีผลการค้นหาแบบใดขึ้นมาบ้างและมีทิศทางแบบใด จากนั้นจึงคิดเนื้อหาคอนเทนต์ให้สอดคล้องและขยายความตามแบบอย่างนั้น เช่น หากเราค้นหาคำว่า Cactus ปรากฏว่าคอนเทนต์ส่วนใหญ่เป็นภาพนิ่งและวิดีโอการเพาะเลี้ยง Cactus นั่นหมายถึง กระแสความนิยมคอนเทนต์ที่ตอบสนองกับคีย์เวิร์ด Cactus นั้นเป็นแบบวิดีโอสั้นและภาพนิ่ง ดังนั้นความคาดหวังที่จะให้คอนเทนต์ของเว็บไซต์เราติดอันดับท็อป 5 ในหน้าแรกของ Google จึงมีสองทางเลือกคือ การสื่อสารด้วยภาพนิ่ง และวิดีโอสั้นประกอบคำบรรยายหรือพากย์เสียงประกอบ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจในคอนเทนต์นั่นเอง เห็นไหมว่ามีอะไรต้องทำมากกว่าการใส่คีย์เวิร์ดลงในคอนเทนต์ซึ่งเป็นวิธีเก่าไปแล้ว ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าจะทำเนื้อหาแบบใดที่ตรงกับกระแสความนิยมในขณะนั้น

2.การสร้างเนื้อหาเชิงลึกลงในคอนเทนต์ โดยยึดหลักว่าใน 1 หน้าเว็บเพจจะต้องมีจุดประสงค์ชัดเจน เช่น หน้าให้ข้อมูล ก็ต้องให้ข้อมูลสินค้าอย่างละเอียด สามารถตอบคำถามผู้ชมเว็บไซต์ได้จริงในเชิงลึก หรือหน้าแสดงการเปรียบเทียบสเปกสมาร์ทโฟน ก็ต้องจัดรูปแบบเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบได้ง่าย หรือหน้าที่เป็นการสั่งซื้อสินค้า ก็ต้องมีทั้งข้อมูลสินค้า รูปภาพสินค้า ระบบตะกร้าและปุ่มกดสั่งซื้อ ให้ข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็นต่อการตัดสินใจอยู่ในหน้านั้นโดยไม่ต้องกดไปหน้าอื่นอีก ทั้งนี้เพื่อให้หน้าเพจนั้นตอบสนองต่อ Search Intent ด้วยจุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียว พร้อมกันนี้ต้องไม่ลืมพื้นฐานเรื่อง On-page Optimization ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด รวมถึงสามารถรับชมเว็บไซต์ได้จากหลากหลายอุปกรณ์ โหลดข้อมูลไว มีระบบเมนูนำทางที่ง่าย ชัดเจน ไม่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้คีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดรองยังคงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ต้องตอบโจทย์เรื่อง Search Intent ให้ได้ก่อน เพื่อให้สามารถทำ SEO ได้ถูกทิศทาง ไม่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์

ดังนั้นการสร้างคอนเทนต์แบบไม่ได้เน้นเรื่องคีย์เวิร์ดและเน้นไปที่ Search Intent อย่างในปัจจุบัน จึงเป็นความท้าทายของคนทำSEO และเจ้าของธุรกิจที่ต้องศึกษาดูทิศทางของคู่แข่งอยู่เสมอ นอกจากนี้การใส่หัวข้อย่อยลงในบทความให้ครบถ้วนและเจาะลึกในรายละเอียดมากขึ้น จะช่วยให้คอนเทนต์ของเรามีโอกาสถูกค้นพบ และติดอันดับท็อป 10 ของหน้าผลการค้นหาได้