SEO กับ SEM ต่างกันที่ตรงไหน อย่างไร?

Jimbe Allen
25/03/2020
SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร

ความรู้ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นความรู้พื้นฐานที่นักการตลาดมือเก่ามือใหม่คุ้นเคยกันดี เพราะการทำ SEO เป็นวิธีการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกของ Search Engine ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลก ซึ่งแต่ละพื้นที่นั้น ความนิยมของ Search Engine แต่ละแห่งก็มีความแตกต่างกันไป เช่น ในประเทศไทยใช้ Google เป็นหลัก, ประเทศจีนนิยมใช้ Baidu หรือประเทศญี่ปุ่นนิยมใช้ Yahoo เป็นต้น

วิธีการทำ SEO แบ่งออกเป็นการทำ On-page หรือการนำ Keyword ที่มีการค้นหาเยอะแต่มีอัตราการแข่งขันน้อยมาใช้เขียนบทความต่าง ๆ เพื่อให้เกิดอัตราการค้นหาเป็นอันดับต้น ๆ ของ Search Engine และการทำ Off-page หรือการทำ back link จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถืออื่น ๆ แนะนำมายังเว็บไซต์ของเราเพื่อให้เว็บไซต์ได้รับความสนใจจาก Search Engine ที่กำลังทำอยู่

SEM หรือ Search Engine Marketing เป็นพื้นฐานหนึ่งของการทำการตลาดออนไลน์เช่นกัน แต่กลับถูกมองข้าม SEM คือ การซื้อพื้นที่โฆษณาบน Search Engine โดยใช้ Keyword ในตลาดที่ต้องการมาแข่งขัน โดยภายในเว็บไซต์ที่ทำ SEM อาจมีหรือไม่มีการทำ SEO ก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วการทำ SEM ให้ได้ผลยั่งยืนควรทำ SEM ไปพร้อมกับการทำ SEO เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้งานและ Search Engine

ความแตกต่างของ SEM และ SEO

– SEO เป็นส่วนหนึ่งของการทำ SEM ซึ่งไม่ควรจะแยกออกจากกัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผลลัพธ์ของแต่ละเว็บไซต์มีความแตกต่างกันไป เช่น ความต้องการยอดขาย, ความต้องการสร้างแบรนด์ หรือความต้องการให้คนเข้าเว็บไซต์เยอะ ๆ เพื่อขายพื้นที่โฆษณา เป็นต้น

– SEM เป็นวิธีการแข่งขันการตลาดออนไลน์ด้วยการซื้อพื้นที่โฆษณาใน Keyword ที่ต้องการ แต่ SEO เป็นวิธีการแข่งขันการตลาดด้วยการทำ Content ด้วยการใช้ Keyword

– SEM ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าแรกได้เร็วกว่า แต่หากไม่ทำพื้นฐานให้ดีหรือเลือก Keyword ที่มีการแข่งขันสูงเกินไป อาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ โดยวิธีการเรียกเก็บค่าบริการจะเป็นแบบ PPC หรือ Pay per click คือ หากไม่มีการคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน แตกต่างจาก SEO ที่หากเลือก Keyword ดี มีอัตราการแข่งขันต่ำแต่คนค้นหาเยอะ อัปโหลดบทความหรือ Content ที่น่าสนใจอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถติดอันดับหน้าแรกบน Search Engine ได้เช่นกันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อคลิกเหมือน SEM นอกจากนี้แม้ว่าการทำ SEM จะสามารถทำให้คนเข้าสู่เว็บไซต์ได้ตามความต้องการ แต่หากเว็บไซต์ไม่มีคุณภาพ ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทั้ง SEM และ SEO เป็นพื้นฐานการทำเว็บไซต์ที่นักการตลาดออนไลน์ต้องศึกษาให้ดีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่หากจะให้ดีการทำพื้นฐานเว็บไซต์ดี (SEO) เช่น เว็บโหลดไว, มี content ที่มีประโยชน์, อัปโหลดสม่ำเสมอ และทำ SEM ควบคู่ไปด้วย ก็จะทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพและสามารถทำตามเป้าหมายของเว็บไซต์ที่ตั้งไว้ให้เป็นจริงได้ เช่น ยอดขายที่เพิ่มขึ้น หรือยอดสมาชิกที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น

ความแตกต่างของ SEM และ SEO

SEO กับ SEM แตกต่างกันอย่างไร

Jimbe Allen
04/09/2019
SEO กับ SEM แตกต่างกันอย่างไร

เทคนิคการตลาด SEO และ SEM เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งอาจมีผู้สนใจขายสินค้าออนไลน์มือใหม่จำนวนไม่น้อย ที่ยังมีความสับสนและเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการทำ SEO และ SEM อย่างไม่ถูกต้อง ทำให้กังวลถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมาจากการทำจากการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในทั้ง 2 รูปแบบด้วย

เราจึงได้รวบรวมความเหมือนและแตกต่างของ SEO และ SEM มาฝากกัน ดังนี้

1. SEO

คือ Search Engine Optimization เป็นการพัฒนาเว็บไซต์ที่เห็นผลเพิ่มยอดขายและฐานลูกค้าในระยะยาว โดยเน้นที่การเพิ่มข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ของ Search Engine ให้มากที่สุด เพื่อให้ระบบอัลกอริทึม AI ของ Yahoo, Bing และ Google ได้ทำการวิเคราะห์และจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ ให้อยู่เป็นอันดับต้น ๆ เมื่อมีการสืบค้นจากลูกค้าเป้าหมายด้วย Keyword ที่ตรงกับธุรกิจคุณ

ตัวอย่างเช่น คุณขายผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น ก็ควรใช้ Keyword SEO ว่า “ผ้าปูที่นอน กำจัดไรฝุ่น สุขภาพ” สำหรับการเขียนบทความออนไลน์ เมื่อมีการสะสมข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ลูกค้าที่กำลังประสบปัญหาเป็นโรคภูมิแพ้ และกำลังมองหาผ้าปูที่นอนกำจัดไรฝุ่น เมื่อมาสืบค้นด้วย Keyword ดังกล่าว จะพบเว็บไซต์ของคุณเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งจะนำมาสู่การคลิกเข้าเว็บไซต์ สอบถามข้อมูลและปิดการขายได้นั่นเอง

เปอร์เซ็นต์การขายได้จึงมากขึ้น และทำให้แบรนด์คุณเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม การทำ SEO ต้องอาศัยระยะเวลาในการสะสมข้อมูลผลิตบทความ และสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าไปสักระยะหนึ่ง

2. SEM

SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing เป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์ ที่เน้นผลลัพธ์อย่างรวดเร็วฉับไว แต่ก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่มากกว่าการทำ SEO เนื่องจากจะต้องมีการประมูลพื้นที่ในการโฆษณาแข่งกับบริษัทอื่นที่ต้องการใช้ Keyword เดียวกันในการที่จะปรากฏเป็นอันดับต้น 1-5 ของหน้าจอเว็บไซต์ที่แสดงผลสืบค้น และเมื่อคุณประมูลพื้นที่ได้แล้ว หากมีผู้ที่สนใจเข้ามาในลิงก์โฆษณาคุณก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้แก่ Search Engine ในระบบ PPCหรือ Pay Per Click ที่หมายถึง ต้องจ่ายทุกครั้งที่มีการคลิก โดยคิดเป็นค่าบริการตามสูตร คือ (ค่าโฆษณาต่อ 1 คลิก x จำนวนคลิก) เพื่อจ่ายให้กับ Search Engine ต่อไป ซึ่งหมายถึงว่าคุณต้องมีเงินทุนสำรองอยู่จำนวนหนึ่งสำหรับการโฆษณาวิธีนี้ แต่ก็มีความคุ้มค่าหากคุณทำ SEM ในช่วงที่ต้องการเร่งขายสินค้า จัดโปรโมชั่น หรือกำลังจัดอีเว้นท์ ทั้งยังช่วยเพิ่มยอดการขายในช่วงเวลาที่คุณต้องการแข่งกับแบรนด์อื่นอย่างเร่งด่วน เช่น เทศกาลปีใหม่ ช่วงวันหยุดสงกรานต์ หรือวันคริสต์มาส เป็นต้น

หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านเห็นความเหมือนและแตกต่างของ SEO และ SEM ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักในจังหวะและช่วงเวลาที่เหมาะสม

เทคนิคการตลาด SEO และ SEM เป็นที่นิยมมาก