ยอดขายไม่ดี ใช้เทคนิค SEO ช่วยได้

Jimbe Allen
02/02/2020
ยอดขายไม่ดี ใช้เทคนิค SEO ช่วยได้

การขายของออนไลน์ในยุคปัจจุบัน มีอัตราการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง ความงาม แฟชั่น วิตามิน อาหารเสริม ฯลฯ

ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดจึงแนะนำให้ผู้ที่ต้องการเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า เรียนรู้เทคนิค SEO หรือ search engine optimization เพื่อนำมาปรับปรุงเพจหรือเว็บไซต์สม่ำเสมอ จะช่วยให้มีผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นได้ เรามาดูกันว่าจะมีเทคนิคใดบ้าง

เทคนิคช่วยให้ธุรกิจมีผลลัพธ์ที่ดี

การทำ backlink ให้แก่เว็บไซต์

ทุกประเภทเว็บไซต์ทางธุรกิจควรจะต้องมีพันธมิตรที่สามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนลิงก์ จะทำให้ขยายฐานลูกค้าได้กว้างยิ่งขึ้น หากคุณขายสินค้าจำพวกของเล่นเด็ก ก็ควรติดต่อเชื่อมโยงลิงก์กับเพจหรือเว็บไซต์ที่ขายสินค้ากลุ่มสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกปลอดสารพิษ สินค้าเพื่อสุขภาพเด็กและวัยรุ่น ฯลฯ เนื่องจากจะมีโอกาสขายได้สูงขึ้น และยังเป็นการเพิ่มค่า Traffic ให้กับเว็บไซต์ส่งผลให้ลำดับการสืบค้นผ่าน Google ดียิ่งขึ้นด้วย

การปรับโครงสร้างเว็บไซต์

เว็บไซต์ที่ดีควรมีลักษณะที่ใช้งานง่ายทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีการแยกหมวดประเภทสินค้าที่ชัดเจน เช่น วิตามินกลุ่มบำรุงสมอง บำรุงความงาม บำรุงกระดูก ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาในการหานาน อาจมีแชทบอทที่เป็นระบบ AI ตัวช่วยให้การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ให้ลูกค้าประทับใจในความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ดังที่มีการศึกษาพบว่าคนรุ่นใหม่นิยมสอบถามข้อมูลจากแชทบอทเพราะไม่ต้องรอเวลาตอบคำถามจากผู้จัดการเว็บไซต์และยังเป็นตัวช่วยที่เสริมภาพลักษณ์ให้ทันสมัยด้วย

การใส่ keyword ลงใน เพจของ Facebook

การทำ SEO ให้กับ Facebook ก็อาศัยหลักการเดียวกันกับการทำใน Google ควรนำ keyword ที่เกี่ยวกับสินค้าที่คุณจำหน่าย ใส่ลงในช่องรายละเอียดและกรอกข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วนมากที่สุด เพื่อผู้คนพิมพ์หาผ่านช่อง search เพจธุรกิจของ Facebook เจอได้ง่าย ๆ และควรเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของเพจ โดยการใส่ลิงก์ของเว็บไซต์ลงในช่องทางการติดต่ออีกทางหนึ่งด้วย

การทำ SEO ให้แก่รูปภาพ

รูปภาพเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้บทความดูน่าสนใจ ซึ่งควรใส่รายละเอียดว่า ใครในภาพกำลังทำอะไร ที่ไหน และใช้อุปกรณ์ที่มีสีอะไรบ้าง เพราะระบบ algorithm จะนำไปวิเคราะห์และแยกแยะข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว สำหรับการนำไปแสดงในส่วนของ Image บน Google ที่จะช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ ทำให้ลูกค้ามีโอกาสเห็นเว็บไซต์ของคุณได้บ่อย นำมาซึ่งการขายที่มากยิ่งขึ้นได้

การใช้เทคนิค SEO ที่กล่าวมาร่วมกันต่อเนื่อง 3-6 เดือน จะช่วยให้อันดับ SEO ของเว็บไซต์ดีขึ้น และทำให้คุณมีโอกาสเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ส่งผลให้มียอดขายที่ดีขึ้นตามมาอย่างแน่นอน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเห็นช่องทางในการแก้ไขและพัฒนาเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จได้ต่อไป

เทคนิคช่วยให้ธุรกิจมีผลลัพธ์ที่ดี

Google algorithm สำหรับเว็บไซต์ SEO ที่คุณควรรู้จัก

Jimbe Allen
10/01/2020
Google algorithm สำหรับเว็บไซต์ SEO ที่คุณควรรู้จัก

การทำ SEO หรือ search engine optimization เป็นสิ่งที่ช่วยในการประเมินคุณภาพของแต่ละเว็บไซต์ เพื่อจัดอันดับให้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงอยู่ในอันดับต้นของหน้าต่างการสืบค้นทางช่อง Search Google เสมอ ซึ่ง algorithm ที่ Google ออกแบบเพื่อการวิเคราะห์ในแต่ละส่วนของเว็บไซต์มีอยู่หลายชนิดและมีการพัฒนามาตามลำดับ โดยมีข้อมูลของแต่ละ algorithm ที่ผู้ดูแลเว็บไซต์และเจ้าของกิจการออนไลน์ควรทำความรู้จัก ดังนี้

ผู้ดูแลเว็บไซต์ ควรรู้สิ่งเหล่านี้

1. แพนด้า

เป็นระบบการตรวจจับการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น การใช้บทความที่เนื้อหาคัดลอกจากเว็บไซต์อื่นโดยตรง รวมถึงการใช้ภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย ซึ่ง ปัจจุบันผู้ที่ผลิต บทความ SEO จะต้องตรวจสอบคำซ้ำ หรือ ทำ plagiarism check เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่มีปัญหาการคัดลอกลิขสิทธิ์ในเบื้องต้น จึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหากับ AI ระบบนี้

2. เพนกวิน

เพนกวินเป็นการตรวจสอบลิงก์ที่เชื่อมโยงกับเพจหรือเว็บไซต์ที่ต้องทำตามกฎของ Google คือ ไม่ใช่การซื้อลิงก์หรือการเชื่อมโยงเพจที่คุณภาพต่ำ ทำ spam เพื่อเน้นการปั่นให้ keyword ถูกสืบค้นง่าย ซึ่งหากระบบเพนกวินพบว่ามีการทำเป็นสแปม จะทำให้ถูกแบนหรือลดอันดับความน่าเชื่อถือได้

3. pirate

เป็นตัวช่วยในการหาเว็บไซต์ที่โจรกรรมข้อมูล เช่นการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ เพลง ซีรีส์ ฯลฯ หากคุณนำภาพยนตร์ที่ไม่ผ่านการขอใช้เป็นกิจจะลักษณะ มีหลักฐาน หรือละเมิดสิทธิ์ใด ๆ มาใช้ ก็จะถูกตรวจจับจาก AI ตัวนี้อย่างแน่นอน

4. ฮัมมิ่งเบิร์ด

เป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้งาน Google ได้อ่านงานเขียนที่มีคุณภาพสูง จากเว็บไซต์อันดับต้น มีภาษาที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีการใส่ คีย์เวิร์ด มากเกินไปจนรบกวนสายตา คุณอาจจะเคยเห็นงานแปลที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือ Robot แปล ซึ่งจะมีความผิดพลาดทั้งในเนื้อหาและมีความแข็งทื่อของสำนวนภาษา ซึ่งระบบอัลกอริทึมนี้ของ Google จะตรวจสอบได้ว่าเป็นงานเขียนคุณภาพต่ำ และจะจัดให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาแบบนั้นมีอันดับอยู่ล่าง ๆ

5. พอสซั่ม

เป็นระบบวิเคราะห์ว่าธุรกิจใดที่ระบุตำแหน่งที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับที่ผู้ใช้งาน Google กำลังสืบค้น ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ควรระบุให้ละเอียดที่สุดเพื่อประโยชน์ในการแข่งขันทางธุรกิจและความเชื่อมั่นของลูกค้า ตัวอย่างเช่น ลูกค้ากำลังมองหาร้านขายคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย หรือหารีสอร์ทติดทะเลในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระบบจะนำเสนอเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงที่สุด และมีที่ตั้งอยู่ใกล้สัมพันธ์กับตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของตัวผู้สืบค้นข้อมูลก่อน

จะเห็นได้ว่าระบบ algorithm ของ Google เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการแข่งขันคุณภาพในระบบ SEO ซึ่งสามารถคัดกรองคุณภาพของเว็บไซต์และช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้งาน Google ซึ่งเป็น search engine อันดับต้น ๆ ของโลกมากยิ่งขึ้น เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านได้เข้าใจระบบ algorithm ของ AI และปฏิบัติตามระเบียบที่ Google แนะนำ เพื่อทำให้การทำ SEO ประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้น

ผู้ดูแลเว็บไซต์และเจ้าของกิจการออนไลน์

แบบไหนถึงควรจ้างทำ SEO และเลือกอย่างไรดี

Jimbe Allen
20/12/2019
เมื่อไหร่ที่คุณควรจ้างบริษัททำ SEO

การทำ SEO หรือ search engine optimization ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้เร็ว สร้างแบรนด์ให้รู้จักในวงกว้าง ทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น จึงทำให้ยอดขายตามมาได้ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อไหร่ควรที่จะจ้างทำ SEO และควรมองหาบริษัทที่ไหนดี เรามีคำตอบให้ในบทความนี้

เมื่อไหร่ที่คุณควรจ้างบริษัททำ SEO

หากคุณประสบปัญหาว่า เว็บไซต์ที่เปิดมาได้สักพัก ไม่มีจำนวนผู้เข้าชม หรือแม้มีผู้เข้าชมก็แทบไม่มีการสั่งออเดอร์สินค้าใด ๆ รวมถึงแม้จะมีการแชร์ไปทางแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น facebook หรือ Instagram แล้ว ก็ยังไม่มีคนสนใจ แสดงว่าคุณต้องมีการปรับปรุงทั้งส่วน on-Page และ off-Page SEO ซึ่งบริษัทรับทำ SEO สามารถที่จะช่วยตรงนี้ได้

การหาบริษัทรับทำ SEO

คุณควรที่จะสอบถามจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่มีการจ้างบริษัททำ SEO มาก่อน ให้เขาช่วยแนะนำ จะลดความเสี่ยงในการหาบริษัทที่ไม่มีที่มาที่ไปได้ ทั้งทำให้คุณรู้ฝีมือคร่าว ๆ ได้ว่าสร้างผลลัพธ์ให้ยอดขายหรือลูกค้าเพิ่มขึ้นได้มากน้อยเพียงใดจากประสบการณ์คนใกล้ตัว

แต่หากคุณไม่มีคนรู้จัก แนะนำให้เลือกจากรายชื่อบริษัทที่โฆษณาผ่าน Google ที่เห็นอยู่ในด้านบนของหน้าต่างสืบค้น ของGoogle search บริษัทเหล่านี้มักมีความเป็นมืออาชีพ มีหลักฐานที่ยืนยันตัวตนได้อย่างชัดเจน ลดโอกาสถูกหลอกลวงได้

หลังจากที่คุณประเมินตัวเองแล้วว่า เว็บไซต์ของคุณยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จำเป็นต้องจ้างบริษัททำ SEO และได้รายชื่อบริษัทที่น่าสนใจแล้ว ขั้นต่อไป ควรสอบถามข้อมูลพื้นฐานกับทางบริษัทเสียก่อน ว่าการทำ SEO ที่บริษัทเล็งเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณควรต้องทำเป็นอันดับต้น ๆ มีอย่างไรบ้าง แล้วจะรับประกันผลได้อย่างไร ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอันดับการสืบค้นที่ดีขึ้น หากคำตอบที่ได้สอดคล้องกับหลักการทำ SEO อย่างถูกต้อง ก็มีความน่าสนใจที่คุณจะจ้างงาน ซึ่งคุณสามารถศึกษาขั้นเบื้องต้นได้จากเว็บไซต์ให้ข้อมูล SEO ทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบทะเบียนการค้าของบริษัทเพื่อให้มีการติดตามผู้รับผิดชอบได้ เนื่องจากสัญญาการทำ SEO จะเป็นระยะ 6 เดือน หรือ 1 ปี ขึ้นไป ตามหลักการ SEO ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสมข้อมูลให้ระบบ algorithm ประมวลผล จึงควรเลือกบริษัทที่มั่นใจในความสามารถและมีความรับผิดชอบสูง

เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้นักธุรกิจออนไลน์ที่ไม่แน่ใจในคุณภาพเว็บไซต์ตัวเอง หรือกำลังมองหาบริษัททำ SEO ให้อันดับสืบค้นดีขึ้น ได้เห็นแนวทางในการพิจารณาและปรับใช้กับการเลือกบริษัทที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงในการถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงด้วย

แบบไหนถึงควรจ้างทำ SEO และเลือกอย่างไรดี

เทคนิคการทำ SEO ใน wordpress

Jimbe Allen
19/11/2019
การทำ SEO ผ่าน wordpress

SEO หรือ search engine optimization เป็นเทคนิคการตลาดที่ทำให้เว็บไซต์ทางธุรกิจถูกสืบค้นได้ง่ายยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการตามมาได้ โปรแกรม wordpress เป็นหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้การทำ SEO ง่ายยิ่งขึ้น ถูกออกแบบมารองรับการพัฒนาเว็บไซต์ออนไลน์ได้ง่ายแม้จะเป็นมือใหม่ทำเว็บไซต์

การทำ SEO ผ่าน wordpress มีองค์ประกอบสำคัญอะไรบ้าง

1. ส่วนหัวเรื่อง หรือ Title

การสร้างหัวข้อที่ดึงดูดใจจะต้องมีการใส่ keyword ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ขณะเดียวกัน ต้องสอดคล้องกับเนื้อหาในบทความ โปรแกรม wordpress สามารถเปลี่ยนหัวข้อให้เป็นลิงก์ URL เพื่อความสะดวกในการค้นหาได้มากยิ่งขึ้น

2. ส่วนหัวเรื่องย่อย หรือ Heading

ส่วนนี้มีประโยชน์มาก เพื่อสร้างความเข้าใจเนื้อหาของผู้อ่าน ให้จับประเด็นให้ได้ง่ายยิ่งขึ้น และควรใส่คีย์เวิร์ดและตั้งให้สอดคล้องกับ title เพื่อให้ผลวิเคราะห์ SEO ดีขึ้นด้วย ในเรื่องที่มีความยาวบทความมาก 1000 คำขึ้นไป อาจมี heading 3-4 หัวข้อตามประเด็นในการนำเสนอได้ ซึ่งโปรแกรม wordpress มีช่องให้คลิกสร้างเป็น H1 H2 เพื่อความรวดเร็ว

3. รูปแบบของ keyword

โปรแกรม wordpress มีฟังก์ชั่นให้ทำรูปแบบหลากหลาย เช่น ตัวหนา ตัวเอียง ขีดเส้นใต้ ใส่สีไฮไลท์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเทคนิคที่จะทำให้ระบบอัลกอริทึมของ Google วิเคราะห์ได้ว่า เป็นคำสำคัญที่ตรงกับการค้นหาใน Google search นำไปสู่อันดับ SEO ที่ดียิ่งขึ้นได้ อย่างไรก็ตามไม่ควรจะมีคำซ้ำเกิน 2-3 ครั้ง เพราะอาจจะทำให้วิเคราะห์ว่าเป็นสแปมได้

4. ใส่รูปภาพแบบเพิ่มอันดับ SEO

เมื่อได้รูปภาพที่เหมาะสมกับบทความแล้ว ต้องนำมาทำ SEO ด้วยการกำหนดแท็กที่เรียกว่า alt หรือ Alternative ประกอบ โดย wordpress มีช่องให้คลิกสร้างได้ง่าย ๆ เราขอแนะนำว่าควรใช้ชื่อภาษาอังกฤษ เพื่อไม่ให้มีปัญหาตัวสะกด วรรณยุกต์ที่ผิดพลาด หลายคนอาจไม่รู้ว่าการทำส่วนนี้จะทำให้อันดับ SEO สูงขึ้นได้ รู้อย่างนี้แล้วต้องกรอกข้อมูลเสมอ

5. การทำ Link บทความแบบลัดสั้น

เพียงเตรียมบทความให้พร้อม สำหรับการสร้างลิงค์ ใน wordpress มีปุ่มให้กด insert Link เมื่อผู้อ่านเอาลูกศรไปคลิกที่ช่วงหนึ่งของบทความแค่ประโยคสั้น ๆ ก็จะทำให้เชื่อมโยงไปยังลิงก์ที่มีส่วนขยายความของประโยคนั้น ๆ ได้ทันที

6. การแชร์ไป platform อื่น ๆ

การแชร์บทความเดียวกันไปหลาย platform พร้อมกันจะช่วยประหยัดเวลา ซึ่ง wordpress มีปุ่มให้คลิกได้ว่าจะเชื่อมโยงไปสู่แพลตฟอร์มใดบ้าง เช่น Facebook twitter ฯลฯ เมื่อเลือกแล้ว เพียงกดเผยแพร่บทความครั้งเดียว ก็จะไปปรากฏได้หลายแห่งพร้อมกัน ช่วยประหยัดเวลาและทำให้ลดความผิดพลาดในการทำ Link ใหม่ได้มาก

จะเห็นได้ว่า เทคนิคการใช้โปรแกรม wordpress เพื่อการทำ SEO เป็นสิ่งให้ประโยชน์กับการทำธุรกิจออนไลน์ ช่วยประหยัดเวลาและยังเสริมอันดับการสืบค้นเพิ่มยอดขายได้อย่างชัดเจน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านสนใจการเรียนรู้ wordpress เพื่อส่งเสริมธุรกิจให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น

เทคนิคการทำ SEO ใน wordpress

มือใหม่ทำเว็บไซต์ออนไลน์ ควรรู้ Yoast SEO คืออะไร

Jimbe Allen
03/11/2019
Yoast SEO สำคัญมาก ต้องเรียนรู้

การทำเว็บไซต์ออนไลน์ เพื่อส่งเสริมยอดการขายให้สูงขึ้นและทำให้แบรนด์ธุรกิจติดตลาดได้นั้น จำเป็นจะต้องมีการทำเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับระบบ SEO หรือ search engine optimization ซึ่ง Google มีการกำหนดมาตรฐานในการเปรียบเทียบระดับคุณภาพของบทความและส่วนประกอบอื่น ๆ ในเพจต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบฐานข้อมูล

Yoast SEO สำคัญมาก ต้องเรียนรู้

ทั้งนี้ ระบบ algorithm ของ Google นับว่าเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความซับซ้อนในการวิเคราะห์สูง ดังนั้น การเรียนรู้เทคนิคการใช้เครื่องมือเสริมอย่างปลั๊กอิน Yoast SEO เพื่อการแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ในองค์ประกอบบทความได้อย่างรวดเร็ว จึงจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจกับแบรนด์สินค้ารายอื่นได้

ปลั๊กอิน Yoast SEO เป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ฟรี มีผู้ใช้งานกันทั่วโลกหลายสิบล้านเว็บไซต์ ซึ่งสามารถที่จะติดตั้งได้ง่าย เพียงเข้าไปที่ dashboard แล้วคลิกเลือกเพิ่มปลั๊กอิน พิมพ์ชื่อ Yoast SEO ก็ทำการติดตั้งได้เลย

เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา จะมีช่องให้แก้ไขทำการใส่ข้อมูล ที่เรียกว่า Yoast Metabox ซึ่งสามารถใช้งานง่าย โดยให้เจ้าของเว็บไซต์ทำการใส่หัวเรื่อง (Title) และคำอธิบายเพจ (Meta Description) เพื่อให้ ปลั๊กอิน Yoast SEO วิเคราะห์ว่ามีประสิทธิภาพในการสื่อสารดีเพียงใด โดยจะแสดงผลการประเมินเป็นแถบสีเขียว (แปลว่าควรเพิ่มเติมข้อมูลอีก) หรือสีแดง (แปลว่าข้อมูลส่วนนี้มากเกินไปหรือไม่เหมาะสม) จะทำให้เกิดการแก้ไขได้ทันก่อนการนำขึ้นไปใช้จริงในเว็บไซต์

นอกจากนี้ ยังมีส่วนของการวิเคราะห์คำสำคัญ หรือ Focus keyword ที่สามารถเช็คได้ด้วย ปลั๊กอิน Yoast SEO เช่นกัน ซึ่งสามารถทดสอบได้อย่างรวดเร็วว่าผลงานบทความ SEO ที่ผลิตนั้น มีผลดีต่ออันดับ SEO เพียงใด

โดยระบบจะวิเคราะห์ออกมาว่า keyword ที่ใช้นั้นมีความจำเพาะเจาะจงเหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากน้อยเพียงใด ควรเพิ่มความยาวของคีย์เวิร์ดเป็น Long-tailed keywords (เพิ่มความจำเพาะต่อลูกค้ามากขึ้น เช่น “รองเท้าวิ่ง สตรี ยี่ห้อXX รุ่นYY” จะจำเพาะกว่าคำว่า “รองเท้าวิ่ง” เป็นต้น) ทั้งยังมีส่วนหมายเหตุที่แนะนำอย่างละเอียดว่า ควรใส่ keyword ซ้ำกี่ครั้ง และกระจายในบทความอย่างไร จึงจะเหมาะสม จึงนับว่าเป็นผู้ช่วยที่สำคัญสำหรับผู้ต้องการทำเว็บไซต์ทางธุรกิจแนว SEO ที่มุ่งหวังความสำเร็จอย่างมากมือใหม่ทำเว็บไซต์ออนไลน์ ควรรู้ Yoast SEO คืออะไร

สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือ ปลั๊กอิน Yoast SEO มีส่วนเครื่องมือเสริม (tools) ที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสะดวกขึ้น เช่น ระบบใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น Bulk Edit เป็นเทคนิคในการแก้ไข SEO ทั้งหมดในเว็บไซต์ในครั้งเดียว จึงช่วยประหยัดเวลาได้มาก เพราะว่าไม่ต้องคลิกไปแต่ละหน้าของเพจ และสามารถส่งข้อมูล Import และ Export อย่างง่ายดาย เพื่อการสำรองข้อมูลหรือการตั้งค่าต่าง ๆ ทางเทคนิคได้อีกด้วย

จะเห็นได้ว่า ปลั๊กอิน Yoast SEO เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนทำเว็บไซต์ที่ต้องการเสริมศักยภาพในการแข่งขันกับธุรกิจรายอื่น โดยควรศึกษาร่วมกับพื้นฐานการทำ SEO ตั้งแต่เนิ่น ๆ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านทำธุรกิจออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จทั้งในยอดขายและสร้างแบรนด์ได้ติดตลาด จากการพัฒนาตามระบบ SEO ที่ถูกต้อง

SEO คืออะไร ทำไมจึงควรทำตั้งแต่เริ่มเปิดเว็บไซต์

Jimbe Allen
15/10/2019
On-Page SEO และ Off-Page SEO ซึ่งมีหลักการที่สำคัญ

การซื้อขายสินค้าออนไลน์เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ซื้อและผู้ขายเชื่อมโยงกันได้ด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่มีความไวสูง แบบ 5G ทำให้ไม่มีข้อจำกัดในการซื้อขาย และทำให้ลดข้อจำกัดในการต้องเสียค่าเช่าพื้นที่หน้าร้านแบบ Offline อย่างในอดีตอีกด้วย

การทำ SEO เป็นเทคนิคการตลาด ที่ไม่ต้องเสียค่าประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัทหรือ Search Engine อย่าง Bing, Yahoo และ Google ในการที่จะให้เว็บไซต์ถูกปรากฏต่อสายตาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในอันดับต้น ๆ เพียงแค่ทำตามหลักเกณฑ์ที่ Search Engine กำหนด เว็บไซต์ที่เปิดใหม่ก็สามารถติดอันดับต้นในการสืบค้น สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์และทำให้มีลูกค้าประจำได้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ขอเพียงศึกษาการทำ SEO อย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าและบริการ ก็จะประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ได้อย่างแน่นอน

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ On-Page SEO และ Off-Page SEO ซึ่งมีหลักการที่สำคัญ ดังนี้

1. On-Page SEO คือ การออกแบบโครงสร้างของเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับความต้องการหรือการใช้งานจริงของกลุ่มผู้บริโภค

ตัวอย่างเช่น ต้องสามารถใช้งานได้ง่ายทั้งในระบบโทรศัพท์มือถือ และหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกว่า Mobile Friendly ทั้งต้องออกแบบให้เว็บไซต์ถูกจดจำได้ง่าย ด้วยตัวรูปแบบตัวอักษรและโลโก้ที่ไม่เหมือนใคร ธีมสีที่ใช้ก็ต้องสบายตาและสื่อถึงแบรนด์สินค้าได้มากที่สุด

นอกจากนี้ คุณภาพของบทความก็สำคัญ ควรใช้ Keyword SEO ที่ผ่านการวิจัยแล้วว่า ตรงกับการสืบค้นของสินค้าและบริการนั้น ๆ ในการผลิตบทความที่ดี โดยใส่รายละเอียดในเนื้อหาที่มีความทันสมัยและไม่ใส่ Keyword ซ้ำมากเกินไป จนทำให้บทความไม่เป็นธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าบทความสแปม (Spam)

SEO คืออะไร ทำไมจึงควรทำตั้งแต่เริ่มเปิดเว็บไซต์

2. Off-Page SEO หมายถึง การทำลิงก์เชื่อมโยงเว็บไซต์ทำธุรกิจกับเว็บไซต์ภายนอก เป็นเทคนิคในการสร้างความรู้จักคุ้นเคยระหว่างแบรนด์กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น เพียงไปให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับวงการของสินค้าและบริการที่เว็บไซต์คุณทำอยู่

ตัวอย่างเช่น คุณทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสุนัข ก็สามารถไปให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุนัขและการเลือกอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยได้ เมื่อมีผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง คุณก็สามารถให้ URL Address เว็บไซต์ไว้ เพื่อให้กลุ่มคนเป้าหมายคลิกเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะนำไปสู่การขายสินค้าในอนาคตได้

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ตั้งแต่เริ่มต้นของการทำธุรกิจ เป็นโอกาสในการทำให้แบรนด์ติดตลาดได้อย่างรวดเร็ว และทำให้อันดับในการสืบค้นผ่าน Search Engine ดียิ่งขึ้นด้วย ผู้ที่ทำเว็บไซต์รุ่นใหม่ ๆ จึงควรศึกษาการทำ SEO ไปพร้อมกันกับการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ประสบความสำเร็จธุรกิจออนไลน์อย่างแน่นอน

วิธีการเช็คอันดับ SEO ให้เว็บไซต์คุณ

Jimbe Allen
28/09/2019
วิธีการเช็คอันดับ SEO ให้เว็บไซต์คุณ

การทำเว็บไซต์ระบบ SEO (Search Engine Optimization) จะช่วยให้มีโอกาส แสดงผลในหน้าต่างกันสืบค้นอันดับต้น ๆ ซึ่งทำให้เพิ่ม Traffic ในการเข้าชม และเพิ่มโอกาสในการขายมากยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว แต่มีคนจำนวนไม่น้อย ที่ยังไม่ทราบว่า เมื่อทำ SEO แล้วจะมีการเช็คความเปลี่ยนแปลงหรือผลอันดับ SEO ได้อย่างไร

เราจึงได้รวบรวมวิธีการเช็คอันดับ SEO มาฝากกันไว้ในที่นี้ ดังนี้

1. การเช็ค SEO ใน Google Chrome

การเช็คใน Google Chrome เป็นวิธีการที่สะดวก แต่หากเข้าด้วยระบบทั่วไปเหมือนที่เราสืบค้นข้อมูลหาร้านอาหารออนไลน์หรือร้านค้าออนไลน์ จะทำให้ได้ลำดับที่สูงเกินจริง เนื่องจาก ระบบ Search Engine จะปรากฏผลเว็บไซต์ตามสถิติที่เราเข้าเว็บไซต์ตัวเองบ่อยเป็นพิเศษ (จากอันดับ 10 ก็อาจจะแสดงขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5) จึงควรเข้า Google Chrome ผ่านระบบที่เรียกว่า Incognito Mode หรือ แบบไม่ระบุตัวตน ซึ่งจะทำให้ได้ความแม่นยำในอันดับ SEO ดีกว่า

เมื่อเข้ามาใน Google Chrome แล้วให้กด ปุ่ม Ctrl พร้อมกับ ปุ่ม Shift และปุ่ม N เพื่อให้ Google Chrome เปิดหน้าต่างใหม่ เป็น Incognito Mode ขึ้นมา จากนั้นให้พิมพ์ Keyword ค้นหาที่คุณใช้อยู่ จะปรากฏผลเป็นเว็บไซต์ 1-20 อันดับต้นออกมา

วิธีนี้ มีข้อจำกัด คือ เว็บไซต์ที่เพิ่งทำ SEO ใหม่ ๆ จะมีข้อมูลสะสมในระบบน้อยอาจจะยังไม่อยู่ในรอบที่ AI ของ Search Engine มาเก็บข้อมูล ทำให้ไม่สามารถค้นพบได้ด้วยวิธีนี้

2. การเช็ค SEO ผ่านเว็บไซต์ serplab.co.uk

เป็นเว็บไซต์ให้บริการเช็ค SEO ออนไลน์ จากต่างประเทศ ที่ใช้งานได้ง่าย เพียงใส่ Keyword ที่ต้องการลงไป (ใส่ได้พร้อมกันถึง 5 คำเลยทีเดียว) พร้อมกับกรอกข้อมูล URL Address ของเว็บไซต์คุณควบคู่กัน

ระบบก็จะแสดงผลอันดับเว็บไซต์ SEO ออกมาได้อย่างชัดเจน ว่าแต่ละคีย์เวิร์ดที่คุณใช้นั้น ผล SEO ในการสืบค้นอยู่อันดับใดบ้าง จะทำให้นำไปปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

3. การเช็คผ่านระบบ Google Search Console

Google ให้บริการฟรีในการเช็ค SEO โดยมีชื่อว่า Google Search Console ซึ่งต้องศึกษาการติดตั้งกับเว็บไซต์สร้างบทความอย่าง WordPress โดยหาคำแนะนำจาก Google เพียงเล็กน้อย แล้วก็จะวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วเราจึงได้รวบรวมวิธีการเช็คอันดับ SEO มาฝาก

โดยผลในการวิเคราะห์ของ Google Search Console จะมีความแม่นยำและให้ข้อมูลที่ละเอียดที่สุด เช่น จำนวนการคลิกที่ผู้ใช้งาน Google ที่สืบค้น Keyword หนึ่ง ๆ เข้ามาในเว็บไซต์คุณ คำหรือข้อความที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใช้พิมพ์ แล้วเจอเว็บไซต์คุณเป็นต้น จะทำให้นำไปปรับประยุกต์กับเว็บไซต์ได้เช่นกัน

จะเห็นได้ว่า วิธีการเช็ค SEO มีอยู่หลายวิธี สามารถเลือกวิธีที่สะดวกและให้ผลแม่นยำที่สุด โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ทำ SEO มานาน ก็สามารถเช็คผ่านช่องทางที่หลากหลายจากข้อมูลที่สะสมมากเพียงพอ เพื่อให้การทำ SEO ของคุณมีเป้าหมายและปรับปรุงได้อย่างต่อเนื่อง

SEO กับ SEM แตกต่างกันอย่างไร

Jimbe Allen
04/09/2019
SEO กับ SEM แตกต่างกันอย่างไร

เทคนิคการตลาด SEO และ SEM เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งอาจมีผู้สนใจขายสินค้าออนไลน์มือใหม่จำนวนไม่น้อย ที่ยังมีความสับสนและเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการทำ SEO และ SEM อย่างไม่ถูกต้อง ทำให้กังวลถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมาจากการทำจากการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในทั้ง 2 รูปแบบด้วย

เราจึงได้รวบรวมความเหมือนและแตกต่างของ SEO และ SEM มาฝากกัน ดังนี้

1. SEO

คือ Search Engine Optimization เป็นการพัฒนาเว็บไซต์ที่เห็นผลเพิ่มยอดขายและฐานลูกค้าในระยะยาว โดยเน้นที่การเพิ่มข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ของ Search Engine ให้มากที่สุด เพื่อให้ระบบอัลกอริทึม AI ของ Yahoo, Bing และ Google ได้ทำการวิเคราะห์และจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ ให้อยู่เป็นอันดับต้น ๆ เมื่อมีการสืบค้นจากลูกค้าเป้าหมายด้วย Keyword ที่ตรงกับธุรกิจคุณ

ตัวอย่างเช่น คุณขายผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น ก็ควรใช้ Keyword SEO ว่า “ผ้าปูที่นอน กำจัดไรฝุ่น สุขภาพ” สำหรับการเขียนบทความออนไลน์ เมื่อมีการสะสมข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ลูกค้าที่กำลังประสบปัญหาเป็นโรคภูมิแพ้ และกำลังมองหาผ้าปูที่นอนกำจัดไรฝุ่น เมื่อมาสืบค้นด้วย Keyword ดังกล่าว จะพบเว็บไซต์ของคุณเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งจะนำมาสู่การคลิกเข้าเว็บไซต์ สอบถามข้อมูลและปิดการขายได้นั่นเอง

เปอร์เซ็นต์การขายได้จึงมากขึ้น และทำให้แบรนด์คุณเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม การทำ SEO ต้องอาศัยระยะเวลาในการสะสมข้อมูลผลิตบทความ และสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าไปสักระยะหนึ่ง

2. SEM

SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing เป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์ ที่เน้นผลลัพธ์อย่างรวดเร็วฉับไว แต่ก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่มากกว่าการทำ SEO เนื่องจากจะต้องมีการประมูลพื้นที่ในการโฆษณาแข่งกับบริษัทอื่นที่ต้องการใช้ Keyword เดียวกันในการที่จะปรากฏเป็นอันดับต้น 1-5 ของหน้าจอเว็บไซต์ที่แสดงผลสืบค้น และเมื่อคุณประมูลพื้นที่ได้แล้ว หากมีผู้ที่สนใจเข้ามาในลิงก์โฆษณาคุณก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้แก่ Search Engine ในระบบ PPCหรือ Pay Per Click ที่หมายถึง ต้องจ่ายทุกครั้งที่มีการคลิก โดยคิดเป็นค่าบริการตามสูตร คือ (ค่าโฆษณาต่อ 1 คลิก x จำนวนคลิก) เพื่อจ่ายให้กับ Search Engine ต่อไป ซึ่งหมายถึงว่าคุณต้องมีเงินทุนสำรองอยู่จำนวนหนึ่งสำหรับการโฆษณาวิธีนี้ แต่ก็มีความคุ้มค่าหากคุณทำ SEM ในช่วงที่ต้องการเร่งขายสินค้า จัดโปรโมชั่น หรือกำลังจัดอีเว้นท์ ทั้งยังช่วยเพิ่มยอดการขายในช่วงเวลาที่คุณต้องการแข่งกับแบรนด์อื่นอย่างเร่งด่วน เช่น เทศกาลปีใหม่ ช่วงวันหยุดสงกรานต์ หรือวันคริสต์มาส เป็นต้น

หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านเห็นความเหมือนและแตกต่างของ SEO และ SEM ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักในจังหวะและช่วงเวลาที่เหมาะสม

เทคนิคการตลาด SEO และ SEM เป็นที่นิยมมาก

Keyword SEO สำคัญมากแค่ไหนสำหรับการขายออนไลน์

Jimbe Allen
23/08/2019
Keyword SEO สำคัญมากแค่ไหนสำหรับการขายออนไลน์

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเทคนิคการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ด้วยการพัฒนาคุณภาพของเนื้อหา การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายทั้งบนจอมือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ รวมถึงการแนะนำลิงก์เว็บไซต์ผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ เช่น ห้องสนทนาใน Pantip และ Facebook เป็นต้น

การเลือก Keyword SEO ที่เหมาะสมมีอิทธิพลอย่างมากต่อการจัดอันดับ SEO ให้แก่เว็บไซต์ทางธุรกิจ ทำให้การค้นหาใน Bing, Yahoo และ Google มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายและมีเปอร์เซ็นต์การขายได้มากขึ้น

โดยควรพิจารณา Keyword SEO จากหลักเกณฑ์ต่อไปนี้

1. ดูสถิติใน Google ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจจำหน่ายสินค้าประเภทเดียวกันกับคุณ ใช้ Keyword อะไรบ้าง เพื่อนำคำเหล่านั้นมาเป็นองค์ประกอบในทุกบทความ

2. ควรเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นวลียาวแทนคำสั้น ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้จำเพาะเจาะจงยิ่งขึ้น ทำให้โอกาสในการขายมากขึ้นตามไปด้วย เช่น คุณเปิดร้านขายรองเท้ากีฬา ก็ควรใช้คีย์เวิร์ดยาว ๆ ว่า รองเท้ากีฬา ออนไลน์ ของแท้ ราคาถูก เชียงใหม่ แทนการใช้คำว่า รองเท้ากีฬา เป็นต้น

3. Keyword ในแต่ละบทความ ควรจะมีไม่เกิน 2-3 คำ โดยมีการใช้ซ้ำไม่เกิน 2 หรือ 3 ตำแหน่ง โดยกระจายทั่วไปในบทความ เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกว่าได้อรรถรสในการสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ และป้องกันไม่ให้ระบบ Algorithm วิเคราะห์ว่าเป็นบทความขยะหรือสแปม จนทำให้อันดับ SEO ในการสืบค้นตกลงไปด้านล่าง

4. ควรใส่ Keyword SEO ในการตั้งชื่อของรูปภาพและคลิปวีดีโอด้วย รวมถึง หากมีหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อย ก็ควรใส่ Keyword ลงไปด้วยเช่นกัน จะเป็นผลดีต่ออันดับ SEO ในระยะยาว

5. ควร ใส่ Keyword ในส่วน Meta Description ซึ่งเป็นการสรุปความของเนื้อหาเพจสั้น ๆ ที่จะปรากฏอยู่ในหน้าจอการสืบค้นด้วย เพราะเมื่อผู้อ่านเห็น Keyword อยู่ในส่วน Meta Description จะมั่นใจและช่วยทำให้ทราบได้ว่าหากคลิกเข้ามาในเพจจะได้พบกับเนื้อหาอะไรบ้าง

6. การมี Keyword ที่เหมาะสมในหัวข้อบทความที่ดึงดูดใจ จะเพิ่มค่า CTR หรือ Click Through Rate ได้ ซึ่ง หมายถึงสัดส่วนการคลิกเข้ามาชมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เมื่อเห็นว่าเป็นหัวข้อที่น่าสนใจตรงกับสิ่งที่กำลังต้องการทราบ

7. การใช้ Keyword อาจทำเป็นตัวหนาหรือตัวเอียง ทำให้บทความดูมีสีสัน สร้างความน่าอ่านเพิ่มระยะเวลาในการอยู่หน้าจอของกลุ่มเป้าหมายได้ยาวนานขึ้น หรือเพิ่มค่า Time On Site ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO อีกเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า การเลือก Keyword SEO มีบทบาทอย่างมาก ต่อการทำให้เว็บไซต์ได้รับความนิยม หากต้องการให้เว็บไซต์ทางธุรกิจประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขายเพิ่มขึ้นและสามารถขยายฐานลูกค้าให้เป็นวงกว้างขึ้นในระยะยาว ต้องใส่ใจการใช้ Keyword SEO ในทุกข้อที่กล่าวมา

ควรพิจารณา Keyword SEO จากหลักเกณฑ์ต่อไปนี้

รอบรู้ เรื่องคีย์เวิร์ดการทำ SEO

Jimbe Allen
09/08/2019

การทำ SEO สิ่งสำคัญที่เป็นปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการกำหนดคีย์เวิร์ด (Keyword) ในการเขียนคอนเทนต์ที่จะเป็นตัวกำหนดหัวข้อในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องรู้ว่าสิ่งที่ต้องการสื่อสารนั้นต้องการสื่อสารกับใคร ต้องการข้อมูลประเภทไหน ขอบเขตคืออะไร จากนั้นกำหนดคีย์เวิร์ดเพื่อเป็นการย้ำเตือนในสิ่งสำคัญที่ต้องการจะสื่อสารออกไป เพื่อให้เนื้อหาตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

คีย์เวิร์ด (Keyword) คือ คำหรือวลีที่ทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google จากการกำหนดคำให้ตรงตามกับความต้องการ และปัญหาของผู้คนอย่างชัดเจนจากการค้นหาผ่าน Search Engine ซึ่งคำหรือวลีนั้นจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือ บริการที่เราทำอยู่ สิ่งที่เว็บเพจต้องการคือทำให้เว็บนั้นติด 1 ใน 3 บนหน้าผลการค้นหาของ Google เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ต้องการให้มากที่สุด โดยมีสิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมดังนี้

การกำหนดคีย์เวิร์ดสำคัญต่อการทำการตลาด

การที่เราสร้างข้อมูลขึ้นมาก็เพื่อสื่อสารให้กับกลุ่มลุกค้าได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไปใช้งาน การกำหนดคีย์เวิร์ดที่ดีจะเป็นการสื่อสารกับลูกค้าที่ต้องการสื่อสารโดยตรง จากนั้นจะมีกลุ่มลุกค้าที่ให้ความสนใจจริงและสนใจที่จะใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากเราในที่สุด

การกำหนดคีย์เวิร์ดเพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก

การทำ SEO ก็เพื่อให้ข้อมูลของเว็บไซต์นั้นติดหน้าแรกของ Google จะต้องคำนึงถึงผู้คนที่ต้องการจะสื่อสาร โดยมีหัวเรื่องที่ชัดเจน มีคีย์เวิร์ดอยู่ในนั้นด้วย จากนั้นจะต้องมีการอธิบายขยายความหัวข้อนั้นให้เพื่อให้ระบบทำดัชนีของกูเกิลรับรู้และทำการเชื่อมโยงในผลการค้นหา

การกำหนดคีย์เวิร์ดเพื่อสร้างข้อมูลที่เป็นประโยชน์

การกำหนดคีย์เวิร์ดขึ้นมาเพื่อขยายความในคอนเทนต์นั้นให้ชัดเจน ในคีย์เวิร์ดที่กำหนดขึ้นมาว่าสิ่งนั้นสำคัญอย่างไรและต้องการที่จะสื่อสารอะไรออกไปจากคีย์เวิร์ดนั้น เนื่องจากในท้องตลาดมีการทำคอนเทนต์ขึ้นมามากมายจำเป็นที่จะต้องกำหนดคีย์เวิร์ดและมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องตรงประเด็นควบคู่ไปด้วย

Niche คีย์เวิร์ด

การเขียนคอนเทนต์คำนั้นจะต้องเป็นคำที่มีความหมาย ทำให้มองเห็นภาพรวมของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ โดยการกำหนดคีย์เวิร์ดขึ้นมาเพื่อขยายความได้หลากหลายคำ โดยแตกออกจากคีย์เวิร์ดหลักเพียงคำเดียว ซึ่งจะต้องคิดและกำหนดให้ดีและให้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้คนสนใจค้นหาจริง ๆ มากที่สุด

คีย์เวิร์ดจะต้องเกี่ยวข้องกับผู้คน

คำที่ใช้ในการสื่อสารที่เป็นคีย์เวิร์ดจะต้องมีความหมาย มีนัยยะที่ใช้สื่อสารกับผู้คนให้เข้ามายังเว็บไซต์และใช้บริการจากการกำหนดคำแทนความหมาย ลักษณะ นิสัย ความต้องการ อุปสรรคปัญหาโดยใช้คำที่แทนความหมายได้เป็นอย่างดี หากเป็นสินค้าก็คือ ยี่ห้อ รุ่น ชื่อของสินค้านั้นแทนด้วยคีย์เวิร์ด เช่น ซ่อม โน้ตบุ๊ก ยี่ห้อ รุ่น ZZZ หรือ เสื้อผ้า มือสอง ต่างประเทศ เป็นต้น

การใช้คีย์เวิร์ดในการทำ SEO จำเป็นอย่างมากในการสื่อสาร ซึ่งจะต้องมีความรอบรู้โดยเฉพาะอุปสรรคปัญหาความต้องการของกลุ่มลูกค้าว่าลูกค้ามักใช้คำว่าอะไรในการค้นหาข้อมูล เพื่อดึงกลุ่มคนให้เข้ามาสู่เว็บไซต์ ด้วยการกำหนดคีย์เวิร์ดเฉพาะเจาะจงและให้ครอบคลุมที่สุด

การกำหนดคีย์เวิร์ดสำคัญต่อการทำการตลาด