ประโยชน์จากการทำ SEO ในยุค 2024

ประโยชน์จากการทำ SEO ในยุค 2024

การทำ SEO (Search Engine Optimization) ยังคงมีความสำคัญอย่างมากในยุคปัจจุบัน โดยมีประโยชน์หลายประการดังนี้:

เพิ่มโอกาสในการติดอันดับบนเครื่องมือค้นหา

การทำ SEO ช่วยเว็บไซต์และเนื้อหาในการปรับปรุงเพื่อให้ติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google ซึ่งเพิ่มโอกาสในการได้รับการเข้าชมมากขึ้น

เพิ่มการเข้าถึงและการเผยแพร่

การปรับปรุงเนื้อหาเพื่อเข้ากับคำค้นหาที่เป็นที่ต้องการของผู้ใช้ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเว็บไซต์และเนื้อหาของคุณ ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสในการเผยแพร่และการแบ่งปันเนื้อหามากขึ้น

เพิ่มการสร้างยอดขายและการทำธุรกิจ

การเข้าถึงที่ดีในผลการค้นหาช่วยเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้เข้าชมเป็นลูกค้า โดยเฉพาะในธุรกิจออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้เพิ่มยอดขายและรายได้ของธุรกิจ

ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา

การทำ SEO อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา เนื่องจากเมื่อเว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหา คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนในโฆษณาที่แพงอีกต่อไป

การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้

การทำ SEO มักจะไปพร้อมกับการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้บนเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดีขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดความพึงพอใจและการกลับมาใช้บริการอีกครั้งในอนาคต

ในยุคปัจจุบัน การทำ SEO ยังคงเป็นกลไกที่สำคัญในการสร้างและเพิ่มความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์และการตลาดอินเทอร์เน็ตอย่างแท้จริง

Google Trends มีประโยชน์กับธุรกิจออนไลน์อย่างไร ?

Google Trends

หากคิดถึงการทำ Search Engine Optimization seo หรือ SEO คือ หนึ่งในเครื่องมือการทำการตลาดบน Search Engine หรือ SEM (Search Engine Marketing) แบบไม่เสียเงิน โดยข้อดีในการทำ SEO บนเว็บไซต์ไม่เพียงแต่จะช่วยให้หน้าเว็บติดอันดับอย่างยั่งยืนบนหน้าแรกของ Google (Search Engine อันดับ 1 ของโลก) แต่ยังช่วยในการสร้างความน่าเชื่อถือในตัวสินค้าหรือบริการบนหน้าเว็บไซต์ด้วย โดย Google Trends เป็นหนึ่งใน SEO Tools ที่ช่วยให้การทำ SEO ง่ายขึ้น

google trends คืออะไร ?

google trends คือ เครื่องมือช่วยเช็คเทรนด์ Keyword ที่นำมาใช้ในการค้นหาใน Google Search ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO โดยเฉพาะการตีตลาดกลุ่ม ผลบอลสด7m ที่มีการแข่งขันสูง ยิ่งจำเป็นต้องใช้ เพราะในบางครั้งการเลือกคำโดยไม่ใช้ Google Trends ช่วยวิเคราะห์อาจทำให้เสียเวลาในการทำ Content ได้ เพราะ Keyword หรือคำที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลบางคำเป็นคำตกยุค หรือเป็นคำที่เป็นกระแสแค่ช่วงสั้น ๆ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ

google trends เป็นเครื่องมือที่ให้บริการฟรี! โดยผู้ที่ต้องการใช้งานสามารถเข้าสู่เว็บไซต์ได้จากลิงก์ https://trends.google.co.th/trends/?geo=TH เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์จะพบกับช่องค้นหาที่เราสามารถใส่ Keyword ที่ต้องการลงไป หลังจากที่ใส่ Keyword เราสามารถเลือกดูเทรนด์ความสนใจได้ด้วยการเลือกภาษาที่ใช้ในการค้นหา, ระยะเวลา, หมวดหมู่และ Search Engine ที่ต้องการ เมื่อเรียบร้อยแล้วระบบจะแสดงผลลัพธ์เกี่ยวกับภูมิภาคที่ค้นหามากที่สุด 5 อันดับ พร้อมแนะนำคำค้นหาที่เกี่ยวข้องและหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราสามารถนำมาใช้เพิ่มความน่าสนใจให้กับคอนเทนต์ได้ นอกจากนี้ google trends ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยในการเปรียบเทียบคำค้นหาที่ช่วยให้การตัดสินใจเลือก Keyword ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขั้นตอนการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจออนไลน์

  • เขียนคำค้นหา (Keyword) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ โดยเราสามารถลิสจากคำที่เรานึกออกหรือนำลิงก์เว็บไซต์คู่แข่งไปค้นหาใน Keyword Research Tools เพื่อดู Keyword ที่เว็บไซต์คู่แข่งนำมาใช้
  • นำคำค้นหา (Keyword) ที่ได้มาวิเคราะห์ด้วย Keyword Research Tools เพื่อดูปริมาณการค้นหา, ระดับความยากในการแข่งขันและดูคำค้นหาที่เกี่ยวข้องที่สามารถนำมาปรับใช้ในการสร้าง Content เพิ่มเติม
  • นำคำค้น (Keyword) ค้นหาใน Google Trends เพื่อตรวจสอบเทรนด์ความสนใจว่าคำค้นหาที่จะนำมาใช้ยังเป็นที่นิยมหรือไม่
  • นำคำค้น (Keyword) ค้นหาใน Search Engine ที่ต้องการทำ SEO การนำคำค้นหาที่เราจะนำมาใช้ไปค้นหาใน Search Engine จะช่วยให้เราทราบถึงสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายกำลังให้ความสนใจ ซึ่งเราสามารถนำความสนใจนั้นมาใช้ในการสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

Google Trends เครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่สะดวกสบาย ไม่เสียค่าใช้จ่าย ช่วยในการวิเคราะห์เทรนด์ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายด้วยคำค้นหาหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและแนะนำคำค้นหา หรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เราสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาหรือต่อยอดธุรกิจออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพตรงใจกลุ่มเป้าหมายหลักมากขึ้น

เคล็ดลับการปรับโครงสร้างเว็บไซต์เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ให้ติดอันดับง่าย ๆ

Jimbe Allen
24/01/2021
เคล็ดลับการปรับโครงสร้างเว็บไซต์เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ให้ติดอันดับง่าย ๆ

หลายคนที่กำลังเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ย่อมต้องการให้เว็บไซต์ของตัวเองติดอันดับแรก ๆ ในหน้าการค้นหาของ Google อย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่สามารถช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับบน Google ได้ก็คือ การทำ SEO นั่นเอง

SEO หรือ Search Engine Optimization หมายถึงการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์และเนื้อหาต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโอกาสติดอันดับในหน้าแสดงผลการค้นหาบน Google โดยใช้ “คำ” หรือ “คีย์เวิร์ด” ที่เกี่ยวข้องหรือสอดคล้องกับสินค้าและบริการในเว็บไซต์ของเรา ซึ่งหากเราสามารถทำ SEO ได้มีประสิทธิภาพแล้วก็จะทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับบน Google แบบไม่ต้องเสียเงินค่า Google Ads เลยแม้แต่น้อย สำหรับโครงสร้างเว็บไซต์เบื้องต้นที่จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำ SEO ของเรามีโอกาสติดอันดับมากขึ้น ได้แก่

โครงสร้างเว็บไซต์เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งเหยิง: ผู้ใช้งานที่กดเข้าหน้าเว็บไซต์ของเราควรจะสามารถเข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ แบ่งหมวดหมู่สินค้าและบริการให้ชัดเจน ง่ายต่อการเข้าถึงและเลือกดูข้อมูลที่ผู้ใช้งานสนใจได้ไม่ยาก ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความดึงดูดต่อลูกค้าแล้ว ยังช่วยให้ระบบ “อัลกอริทึม” ของ Google สามารถเก็บข้อมูลเว็บไซต์เราได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสติดอันดับง่ายขึ้นอีกด้วย

คีย์เวิร์ด ควรอยู่ทุก URL: การตั้งชื่อบทความหรือชื่อหัวข้อต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ จะต้องมี “คีย์เวิร์ด” ที่เราต้องการทำ SEO อยู่ด้วยเสมอ โดยเฉพาะการใช้ภาษาสากลอย่าง “ภาษาอังกฤษ” และ “เลขอารบิก” เป็นสำคัญ เพื่อช่วยให้อัลกอริทึมของ Google สามารถเก็บข้อมูลและจัดอันดับเว็บไซต์ของเราได้ดีขึ้น

ออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับการแสดงผลบนหน้าจอสมาร์ทโฟน: เป็นสิ่งที่นักธุรกิจออนไลน์หลายคนมักมองข้ามไป ทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้งานอินเทอร์เน็ตและเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ ผ่านหน้าจอโทรศัพท์กันแทบทั้งนั้น ดังนั้น การออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับการแสดงผลบนมือถือย่อมจะเพิ่มโอกาสการเข้าถึงผู้บริโภคมากกว่า แถมยังจะถูก Google จัดอันดับให้ดีขึ้นอีกด้วย

ปรับขนาดเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสม: ผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบการรอโหลดหน้าเว็บไซต์นาน ๆ ดังนั้น เราจึงควรเลือกใช้ภาพหรือคลิปวีดีโอที่อยู่บนเว็บไซต์ของเราให้เหมาะสม ไม่ใหญ่เกินไปจนทำให้โหลดช้า เพราะยิ่งเว็บไซต์ของเราทำงานช้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสเสียลูกค้ามากเท่านั้น แถม Google ยังไม่ค่อยชอบเว็บไซต์ที่เข้าถึงช้าอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เทคนิคการปรับโครงสร้างเว็บไซต์เพื่อการทำ SEO ยังมีกลเม็ดเด็ดพรายอีกมาก ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝนจนช่ำชอง แต่ถึงอย่างนั้น เคล็ดลับที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ก็เป็นเรื่องพื้นฐานที่เหมาะกับการเริ่มต้นทำ SEO ให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสติดอันดับมากขึ้น ดังนั้นอย่าลืมนำไปปรับใช้และฝึกฝนกันให้ชำนาญแล้วค่อยพัฒนาฝีมือต่อไป

สิ่งที่นักธุรกิจออนไลน์ควรรู้เกี่ยวกับการทำ SEO

Jimbe Allen
13/04/2019
สิ่งที่นักธุรกิจออนไลน์ควรรู้เกี่ยวกับการทำ SEO

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นวิธีการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ให้ขึ้นสู่อันดับต้นของหน้าต่างการค้นหาของ Search Engine ต่าง ๆ ซึ่งมีสิ่งที่นักธุรกิจออนไลน์ควรรู้เกี่ยวกับการทำ SEO ที่เราได้รวบรวมมาดังนี้

1. การทำ SEO ไม่มีสูตรที่เป็นหลักเกณฑ์ตายตัว ต้องหมั่นปรับปรุงให้เหมาะกับสินค้าหรือบริการ เช่น ร้านขายดอกไม้ออนไลน์ ควรเน้นที่การให้ความรู้และการบริการที่ประทับใจ ธุรกิจการโรงแรมควรเน้นที่ความสะดวกรวดเร็วในการติดต่อและส่วนลดหรือโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ เป็นต้น

2. การทำ SEO ต้องใช้เวลาที่ต่างกันไปตามชนิดของธุรกิจ จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของอันดับการสืบค้น หากเป็นสินค้าแนวร้านค้าออนไลน์ทั่วไปใช้เวลา 3 เดือน แต่ธุรกิจโรงแรม ต้องใช้เวลานานเป็น 1 ปี เพราะว่าขึ้นอยู่กับฤดูกาลของการท่องเที่ยว เป็นต้น

3. ใน Search Engine มีระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ หรือ AI Algorithm ที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของบทความในเว็บไซต์ หากตรวจเจอว่ามีการคัดลอกเนื้อหามาจากเว็บไซต์อื่น จะทำให้ผลการจัดอันดับตกลง ดังนั้น การทำบทความต่าง ๆ จึงควรเขียนใหม่ โดยใช้ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อลดโอกาสมีเนื้อหาซ้ำซ้อนกัน จนทำให้การทำ SEO ไม่ได้ผลเท่าที่ควร

4. เว็บไซต์ SEO ควรมีการเลือกฟอนต์ตัวอักษร สี และภาพประกอบ ที่เหมาะสม ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจถึงสินค้าและบริการได้ดีขึ้น เช่น สีเขียว ที่มีความหมายถึงความเป็นธรรมชาติเหมาะกับสินค้าพวกวิตามิน อาหารเสริม สีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกเป็นทางการเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการให้มีความน่าเชื่อถือ เป็นต้น

5. การทำเว็บไซต์ SEO ที่ให้ผลดีในระยะยาว ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะระบบคอมพิวเตอร์ของ Search Engine มีการรวมข้อมูลใน Database เพื่อจัดอันดับ Website ต่าง ๆ ตลอดเวลา การอัปเดตข้อมูลเป็นประจำนอกจากส่งผลต่ออันดับแล้ว ยังทำให้เพิ่มความมั่นใจของลูกค้าในการมาซื้อสินค้าและบริการจากเว็บไซต์ของคุณด้วย

6. ไม่ควรทำการยัดเยียด Keyword ลงไปใน Meta Tag หรือในเนื้อหาเพื่อหวังว่าอันดับ SEO จะดีขึ้น เพราะระบบของ Search Engine สามารถตรวจจับความผิดปกติของเนื้อหาในบทความได้ สิ่งที่ควรทำ คือ การกระจายคีย์เวิร์ดสำคัญ เพียง 1 – 2 คำ ต่อหนึ่งบทความ โดยให้มีความยาว 300 คำ จนถึง 1000 คำ จะทำให้มีอันดับการสืบค้นที่ดีกว่าบทความที่ยาวจากการใส่คีย์เวิร์ดซ้ำมากเกินไป

จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการทำ SEO ในปี 2019 ที่ยกตัวอย่างมาทั้งหกข้อ เป็นสิ่งสำคัญที่นักธุรกิจค้าขายออนไลน์ควรรู้ เพื่อให้ตัดสินใจเลือกจ้างทีมงานหรือบริษัททำ SEO อย่างถูกต้อง โดยพิจารณาจากประสบการณ์ ความคุ้มค่าและความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายในการทำ SEO ที่มีคุณภาพในระยะยาวด้วย

สิ่งที่นักธุรกิจออนไลน์ควรรู้กับการทำ SEO

สิ่งที่คุณจะพลาด หากไม่ทำเว็บไซต์ SEO

สิ่งที่คุณจะพลาด หากไม่ทำเว็บไซต์ SEO

สิ่งที่คุณจะพลาด หากไม่ทำเว็บไซต์ SEO

SEO คือสิ่งสำคัญหากคุณอยากเด่นอยู่ในตลาด

ต้องยอมรับความจริงว่าโลกปัจจุบันนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว หากสังเกตดูเด็กยุคใหม่ พวกเขาจะสามารถใช้เครื่องมือเครื่องไม้ที่ทันสมัยได้ตั้งแต่อายุยังเล็ก ซึ่งเมื่อคนรุ่นเก่ามองลงไปแล้วเปรียบเทียบกับยุคของตนเอง คุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ใจนี้ สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือการยอมรับและก้าวไปกับโลก ดังนั้น หากคุณอยากจะทำธุรกิจแล้วไม่พลาด อย่าลืมที่จะก้าวตามโลกให้ทัน เว็บไซต์และการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของเว็บด้วยการทำ SEO จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้อีกทางหนึ่ง แน่นอนว่ามันมีผลกระทบอย่างสูงเลยทีเดียว

สิ่งที่คุณจะพลาด หากไม่ทำเว็บไซต์ SEO

ปัจจุบันต้องยอมรับว่า การทำเว็บไซต์ให้เข้าสู่ระบบ SEO เพื่อการขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นวิธีการส่งเสริมการขายที่ทรงอิทธิพลมาก แต่หลายคนก็ยังไม่แน่ใจในศักยภาพของระบบ SEO ว่าจะมีความคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายรายหกเดือนหรือรายปีเป็นอย่างน้อยในการจ้างทำ และยังไม่สามารถการันตีได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะเพิ่มยอดขายได้มากน้อยแค่ไหน เราจึงได้รวบรวมสิ่งที่คุณจะพลาดไปถ้าไม่พัฒนาเว็บไซต์เข้าสู่ระบบ SEO มาฝากกัน ดังนี้

ขาดโอกาสเพิ่ม traffic หรือยอดจำนวนผู้เข้ามาอ่านบทความ

รวมถึงหาข้อมูลด้านสินค้าอื่น ๆ ในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งเท่ากับว่าคุณจะเสียโอกาสในการขายไปด้วย ซึ่งมันก็จะส่งผลถึงการโปรโมตเว็บไซต์ตัวเอง เพราะการจัดอันดับของ search engine จะดูที่คุณภาพของบทความเป็นองค์ประกอบใหญ่อย่างหนึ่งด้วย หากไม่มีบทความ SEO เท่ากับขาดดาต้าที่จะไปวิเคราะห์เพื่อ ranking อันดับนั่นเอง

คุณจะพลาด หากไม่ทำเว็บไซต์ SEO

อันดับสืบค้นต่ำลง

เมื่อขาดบทความ SEO จะทำให้อันดับในกูเกิ้ลต่ำลง จึงขาดโอกาสที่ดีในการพบปะกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการซื้อสินค้าและบริการในขณะนั้น เพราะคุณไม่อยู่ในทำเลที่จะสืบค้นเจอได้ง่ายและไปลดทอนศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งเจ้าอื่นในไลน์การผลิตและจำหน่ายสินค้าแบบเดียวกัน โดยเฉพาะการแข่งขันด้านงานบริการอย่าง การโรงแรม การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูง

ขาดโอกาสได้ลูกค้ากลุ่มใหญ่จากทั่วโลกแบบ worldwide

เพราะหนทางการพบเจอกันของผู้ทำธุรกิจกับลูกค้านั้นเปลี่ยนไป เชื่อหรือไม่ว่าในปัจจุบันเราสามารถหาลูกค้ากลุ่มใหญ่ รวมถึงกลุ่มลูกค้า Oversea หรือลูกค้าต่างประเทศหรือกลุ่มลูกค้าจากทั่วโลกได้จากอินเตอร์เนท เพียงแต่คุณจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เขารู้จักตัวตนของคุณอย่างแท้จริง เมื่อคุณพลาด ไม่ยอมทำ SEO แน่นอนว่าสิ่งที่คุณจะพลาดก็คือกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ แบบ Worldwide ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่จริง ๆ

ไม่สามารถรักษาลูกค้าเดิมไว้ได้

อย่าลืมว่าในขณะที่เราไม่ได้ทำ SEO ก็ยังมีบริษัทอื่นๆที่ทำธุรกิจแบบเดียวกับเราเร่งมือสร้างเว็บไซต์และดัน SEO เพื่อให้เกิดโอกาสในการพบปะลูกค้า ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงลูกค้าที่เป็นลูกค้าของเราก็ได้ หากลูกค้าเราได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากบริษัทอื่นมากกว่า ทั้งการมีโปรโมชั่นมาล่อใจ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยหากคุณปล่อยปละละเลยความสำคัญของการทำ SEO แล้วฝ่ายตรงข้ามก็สามารถคว้าเอาลูกค้าของคุณไปเป็นลูกค้าของเขาได้ในที่สุด

และทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่คุณจะพลาดหากไม่นำระบบ SEO มาปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยเสริมความมั่นใจและแสดงให้เห็นว่ารายจ่ายในการจ้างจะถูกชดเชยด้วยโอกาสทางธุรกิจและกำไรของบริษัทในระยะยาวอย่างที่คุณพอใจ

สิ่งที่พลาด-หากไม่ทำเว็บไซต์-SEO

เหตุผลที่ธุรกิจท้องถิ่นกำลังได้เปรียบในการทำ SEO

เหตุผลที่ธุรกิจท้องถิ่นกำลังได้เปรียบในการทำ SEO

ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำธุรกิจจำเป็นต้องอาศัยเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์เพื่อช่วยในการโปรโมทให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่จำเป็นว่าคุณต้องเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จึงจะแข่งขันได้ในโลกอินเทอร์เน็ต ยิ่งคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการทำตลาดในท้องถิ่น ยิ่งมีความได้เปรียบในการทำตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะ การทำ SEO เพราะขณะที่คุณเปิดตัวให้โลกรู้จักกว้างขึ้น ยังสามารถจับความสนใจลูกค้าในท้องถิ่นได้มากขึ้นด้วย หลายคนไม่ทราบมาก่อนว่าการใส่คีย์เวิร์ดค้นหาในเครื่องมือค้นหาอย่าง Google แต่ละคนจะได้ผลลัพธ์ในการค้นหาไม่เหมือนกัน สาเหตุเป็นเพราะ Google เก็บข้อมูลผู้ใช้งานโดยดูจากประวัติว่าเป็นใคร ได้เคยค้นหาอะไรมาก่อน มีตำแหน่งที่อยู่ตรงไหน จากนั้นจึงนำมาประมวลผลด้วยอัลกอริทึ่มที่ชาญฉลาด จะเห็นว่าการค้นหาจะตีกรอบแคบลงเพื่อให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด

ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจท้องถิ่นที่เจาะเป้าหมายลูกค้าในละแวกใกล้เคียงย่อมได้เปรียบมากขึ้น หากคุณเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง มีบริการส่งถึงบ้าน การเก็บรายละเอียดของเครื่องมือค้นหาจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่อาศัยในละแวกใกล้เคียงจะเห็นชื่อร้านของคุณเป็นอันดับแรก ๆ เพราะผลลัพธ์การค้นหาแตกต่างไปจากเดิม การใช้คีย์เวิร์ดใส่ในบทความเพื่อทำ Google จึงต้องเติมรายละเอียดเข้าไปเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด การจัดเรียงอันดับด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้เว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กมีความได้เปรียบ แต่ทั้งนี้ยังต้องพึ่งพาคีย์เวิร์ดเฉพาะเพื่อให้ผลการค้นหาตรงกัน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบและประเมินเว็บไซต์ของตัวเองสม่ำเสมอ

บทบาทสำคัญของธุรกิจออนไลน์

การทำตลาดออนไลน์กำลังมีบทบาทสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันนี้คนรู้จักร้านอาหารเปิดใหม่อย่างรวดเร็วเพราะมีโซเชียลมีเดียช่วยสนับสนุนทำประชาสัมพันธ์ให้ฟรี ๆ ทั้งที่ตัวเราเองต้องทำเว็บไซต์และเชื่อมโยงกับสื่อสังคมรูปแบบต่าง ๆ ขณะเดียวกันบรรดาเพจเฟซบุ๊กต่าง ๆ เข้ามาช่วยรีวิวร้านอาหาร ตลอดจนลูกค้าที่เข้ามารับประทานแล้วถูกใจ มีการกดไลค์ กดแชร์ บอกต่อกันปากต่อปาก สามารถลดต้นทุนการโฆษณาจากสื่อเดิมประหยัดทั้งเงินและเวลา ทำให้ในระยะหลังธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากสนใจการใช้โซเชียลมีเดียกันมาก จนกระทั่งละเลยการทำเว็บไซต์ให้ดี ความเป็นจริงแล้วเว็บไซต์นั้นสำคัญกว่าเฟซบุ๊กเพราะเป็นทางการกว่า มีความน่าเชื่อถือ ควรใช้โอกาสดี ๆ นี้แปลงสภาพให้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางสื่อสารกับลูกค้าใหม่เพื่อดึงเข้ามาใช้บริการค้นหาข้อมูลและอ่านบทความในเว็บไซต์ให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้ทั้งความสะดวกและประโยชน์จากเนื้อหาของบทความทำให้กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ได้ไม่ยาก

ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางเปิดตัวธุรกิจ ร้านค้าและบริการต่าง ๆ สามารถทำการตลาดออนไลน์ง่ายมากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคสะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายไม่แพง ธุรกิจท้องถิ่นควรทำ SEO ทั้งเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ไม่ควรมองข้ามหรือละทิ้งอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะทั้งสองรูปแบบจะส่งเสริมกันและกัน ส่งผลให้ธุรกิจท้องถิ่นมีศักยภาพการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะการเลือกลูกค้าใหม่ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการมากที่สุด

บทบาทสำคัญของธุรกิจออนไลน์