ทริคการทำ SEO สำหรับวิดีโอบน YouTube เพื่อโปรโมทธุรกิจ

Jimbe Allen
06/05/2020
ทริคการทำ SEO สำหรับวิดีโอบน YouTube เพื่อโปรโมทธุรกิจ

การทำธุรกิจจะต้องมีการโปรโมทเพื่อให้ผู้คนได้มองเห็นธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะการโปรโมทด้วยวิดีโอให้ติดบนตำแหน่งหน้าแรกของ Google Search และบน YouTube เราจึงมีทริคการทำ SEO ที่เป็นตัวช่วยให้วิดีโอของคุณมีโอกาสในการโปรโมทธุรกิจได้ดีขึ้นแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ดังต่อไปนี้

ทริคที่ 1 ใส่คีย์เวิร์ดหลักเข้าไปใน tag YouTube

ถึงแม้ว่าวิดีโอของคุณมีเนื้อหาที่ดีเยี่ยม ตัดต่อได้สุดยอดก็ตาม แต่ถ้าไม่มีการใส่คีย์เวิร์ดหลักเข้าไปใน tag ก็อาจส่งผลให้คนดูมองไม่เห็นการโปรโมทธุรกิจของคุณได้ ทริคนี้จึงเป็นพื้นฐานในการทำ SEO เนื่องจาก YouTube ให้ tag มาแล้ว เพียงคุณใส่คีย์เวิร์ดหลักเข้าไปใน tag ประมาณ 3 – 5 คำและคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องประมาณ 4 – 5 คำ เพื่อ YouTube ได้ดูว่าวิดีโอของคุณเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใส่คีย์เวิร์ดใน tag จำนวนที่มากเกินไปซึ่งมีหลายคนคิดว่าจะทำให้วิดีโอไปติดในหัวข้อต่าง ๆ การทำเช่นนี้ อาจจะทำให้ YouTube มีความสับสนหรือเดาไม่ได้ว่าวิดีโอเกี่ยวกับหัวข้ออะไรกันแน่

ทริคที่ 2 ความสำคัญกับประโยคแรกของชื่อวิดีโอ

การตั้งชื่อวิดีโอ หลายคนได้ตั้งชื่อให้เข้าใจง่ายและสละสลวยอาจจะเป็นชื่อสินค้า ชื่อแบรนด์ ชื่อบริษัทหรืออาจเป็นประโยคที่บ่งบอกว่าเกี่ยวกับอะไร แต่ก็ไม่มีผลต่อการให้วิดีโอติดอยู่บนหน้าแรกของ YouTube เนื่องจากสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การเน้นประโยคหรือคีย์เวิร์ดคำแรกที่เริ่มต้นชื่อวิดีโอ จากนั้นค่อยตามด้วยคำอื่น ๆ ที่ต้องการได้เลย ก็จะทำให้วิดีโอมีโอกาสสูงที่จะติดอยู่หน้าแรกของ YouTube ได้

ทริคที่ 3 ใส่คีย์เวิร์ดในส่วน Description ใต้วิดีโอ

การใส่รายละเอียดในส่วน Description ใต้วิดีโอ โดยมีความยาวที่เหมาะสมประมาณ 15 – 20 บรรทัด ที่สำคัญให้แทรกคีย์เวิร์ดเป็นระยะและปริมาณในจำนวนที่เหมาะสมหรือประมาณ 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ลงไปด้วย เพื่อให้ YouTube ได้เข้าใจมากขึ้นว่าวิดีโอของคุณเกี่ยวกับอะไรบ้าง ซึ่งเป็นทริคที่ทำได้ด้วยตัวเองและยังสามารถใช้สำหรับมือใหม่ที่เริ่มทำธุรกิจได้อีกด้วย

นอกจาก 3 ทริคการทำ SEO สำหรับวิดีโอบน YouTube เพื่อโปรโมทธุรกิจดังกล่าวข้างต้นแล้ว หากต้องการให้ YouTube มีประสิทธิภาพในการโปรโมทหรือมีอัตราการคลิกเข้าชมสูง อาจจะเพิ่มเติมภาพหน้าปกที่โดดเด่นให้น่าสนใจมากขึ้น ด้วยการเลือกภาพที่มีสีตัดกัน ไม่ว่าจะเป็น สีแดง ขาว ดำ ส้ม ฟ้า เขียว พร้อมเขียนประโยคบนภาพหน้าปกที่ดึงดูดความสนใจของผู้ชม รวมถึงความยาวของวิดีโออย่างน้อย 8 – 15 นาที เพียงเท่านี้ วิดีโอบน YouTube ก็จะช่วยให้ธุรกิจมีการเติบโตมากกว่าเดิมได้ดีเลยทีเดียว

SEO สำหรับวิดีโอบน YouTube

ทำไมต้องจ้างนักเขียนทำบทความ SEO ?

Jimbe Allen
01/04/2020

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าการเขียนบทความนั้นเป็นสิ่งที่ใครก็ทำได้และ การเขียนบทความ SEO ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากเพียงแค่รู้หลักการเท่านั้น แต่เดี๋ยวก่อน… เรามาดูกันว่าการจ้างนักเขียนบทความ SEO นั้นช่วยทำให้การทำ SEO ไต่อันดับและช่วยงานคุณได้อย่างไรบ้าง แล้วคุณอาจเปลี่ยนใจอยากจ้างนักเขียนไปตลอดก็ได้นะ

เหตุผลที่ต้องจ้างเขียนบทความ

การเขียนบทความ SEO ไม่ได้เป็นเพียงแค่บทความทั่วไป

หากคุณคิดว่าบทความทั่วไปที่ไม่ต้องมีคีย์เวิร์ดนั้นยากอยู่แล้ว คุณจะเข้าใจได้แบบง่าย ๆ ว่าการเขียนบทความ SEO นั้นมีระดับความยากยิ่งกว่า เพราะบทความ SEO ต้องมีการแทรกคีย์เวิร์ด สอดแทรกเนื้อหาที่แบรนด์ต้องการสื่อสารออกไป แต่ในทางเดียวกันก็ต้องไม่ทำให้บทความน่าเบื่อเพื่อให้คนอ่านสามารถอ่านไปได้จนจบอีกด้วยเหมือนกัน

บทความแต่ละบทใช้เวลาในการเขียน

แน่นอนว่าการเขียนบทความทั่วไปนั้นไม่ได้ใช้เวลาน้อย ๆ อย่างที่หลายคนคิด เพราะในขั้นตอนของการเขียนไม่ได้มีเพียงแค่การพิมพ์ตัวหนังสือออกมาเท่านั้น แต่ยังมีขั้นตอนของการค้นคว้าและเรียบเรียงตัวหนังสือเพื่อให้ได้บทความที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและครอบคลุมสิ่งที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร พร้อมกับแทรกคีย์เวิร์ดหลายคำเข้าไปอีกด้วย มันน่าจะดีกว่าถ้าคุณจ้างนักเขียนที่มีความเชี่ยวชาญมาจัดการให้

นักเขียนมีความเชี่ยวชาญและทักษะในการเขียนบทความ SEO มากกว่า

อย่างที่เรารู้กันไปแล้วว่าบทความ SEO นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่บทความธรรมดาทั่วไป นอกจากจะต้องใช้ทักษะทางด้านการเขียนแล้ว ยังต้องมีความเข้าใจวิธีการทำ SEO อีกด้วย ลองคิดดูสิว่าการที่คุณต้องเขียนเองนั้น ต้องใช้เวลาเรียนรู้นานกี่เดือนจึงจะเขียนบทความให้มีคุณภาพได้ แต่นักเขียนบทความ SEO จะช่วยตัดปัญหาเรื่องของการที่คุณต้องไปนั่งเรียนเองหรือหาความรู้เอาเองได้เยอะเลยทีเดียวล่ะ

ได้ผลลัพธ์ทันทีด้วยบทความที่มีคุณภาพ

คุณสามารถนำบทความ SEO ที่ได้จากนักเขียนไปใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องมานั่งคิดเองว่าจะต้องวางคีย์เวิร์ดไว้ตรงไหนบ้าง แล้วแต่ละบทจะต้องมีกี่คำ เพราะนักเขียนจะเป็นคนจัดการให้คุณทั้งหมดเสร็จสรรพ โดยบทความที่ได้จะเป็นบทความที่มีทั้งคีย์เวิร์ดที่คุณต้องการ มีจำนวนคำที่เหมาะสมต่อการทำ SEO และยังเป็นบทความที่วางตำแหน่งแต่ละพารากราฟได้อย่างลงตัว สามารถนำไปโพสต์ได้เลยทันที

เห็นไหมว่าการจ้างนักเขียนเพื่อทำบทความ SEO นั้นไม่ได้แค่ช่วยให้คุณได้บทความ SEO ที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดงบประมาณและช่วยย่นเวลาของคุณเพื่อไปดูแลงานอย่างอื่นได้อีกเยอะเลยทีเดียว แล้วคุณล่ะอยากเปลี่ยนจากการเขียนบทความเอง มาเป็นการจ้างนักเขียนแทนหรือไม่

เหตุผลที่ต้องจ้างเขียนบทความ

Keyword SEO สำคัญมากแค่ไหนสำหรับการขายออนไลน์

Jimbe Allen
23/08/2019
Keyword SEO สำคัญมากแค่ไหนสำหรับการขายออนไลน์

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเทคนิคการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ด้วยการพัฒนาคุณภาพของเนื้อหา การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายทั้งบนจอมือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ รวมถึงการแนะนำลิงก์เว็บไซต์ผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ เช่น ห้องสนทนาใน Pantip และ Facebook เป็นต้น

การเลือก Keyword SEO ที่เหมาะสมมีอิทธิพลอย่างมากต่อการจัดอันดับ SEO ให้แก่เว็บไซต์ทางธุรกิจ ทำให้การค้นหาใน Bing, Yahoo และ Google มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายและมีเปอร์เซ็นต์การขายได้มากขึ้น

โดยควรพิจารณา Keyword SEO จากหลักเกณฑ์ต่อไปนี้

1. ดูสถิติใน Google ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจจำหน่ายสินค้าประเภทเดียวกันกับคุณ ใช้ Keyword อะไรบ้าง เพื่อนำคำเหล่านั้นมาเป็นองค์ประกอบในทุกบทความ

2. ควรเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นวลียาวแทนคำสั้น ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้จำเพาะเจาะจงยิ่งขึ้น ทำให้โอกาสในการขายมากขึ้นตามไปด้วย เช่น คุณเปิดร้านขายรองเท้ากีฬา ก็ควรใช้คีย์เวิร์ดยาว ๆ ว่า รองเท้ากีฬา ออนไลน์ ของแท้ ราคาถูก เชียงใหม่ แทนการใช้คำว่า รองเท้ากีฬา เป็นต้น

3. Keyword ในแต่ละบทความ ควรจะมีไม่เกิน 2-3 คำ โดยมีการใช้ซ้ำไม่เกิน 2 หรือ 3 ตำแหน่ง โดยกระจายทั่วไปในบทความ เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกว่าได้อรรถรสในการสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ และป้องกันไม่ให้ระบบ Algorithm วิเคราะห์ว่าเป็นบทความขยะหรือสแปม จนทำให้อันดับ SEO ในการสืบค้นตกลงไปด้านล่าง

4. ควรใส่ Keyword SEO ในการตั้งชื่อของรูปภาพและคลิปวีดีโอด้วย รวมถึง หากมีหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อย ก็ควรใส่ Keyword ลงไปด้วยเช่นกัน จะเป็นผลดีต่ออันดับ SEO ในระยะยาว

5. ควร ใส่ Keyword ในส่วน Meta Description ซึ่งเป็นการสรุปความของเนื้อหาเพจสั้น ๆ ที่จะปรากฏอยู่ในหน้าจอการสืบค้นด้วย เพราะเมื่อผู้อ่านเห็น Keyword อยู่ในส่วน Meta Description จะมั่นใจและช่วยทำให้ทราบได้ว่าหากคลิกเข้ามาในเพจจะได้พบกับเนื้อหาอะไรบ้าง

6. การมี Keyword ที่เหมาะสมในหัวข้อบทความที่ดึงดูดใจ จะเพิ่มค่า CTR หรือ Click Through Rate ได้ ซึ่ง หมายถึงสัดส่วนการคลิกเข้ามาชมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เมื่อเห็นว่าเป็นหัวข้อที่น่าสนใจตรงกับสิ่งที่กำลังต้องการทราบ

7. การใช้ Keyword อาจทำเป็นตัวหนาหรือตัวเอียง ทำให้บทความดูมีสีสัน สร้างความน่าอ่านเพิ่มระยะเวลาในการอยู่หน้าจอของกลุ่มเป้าหมายได้ยาวนานขึ้น หรือเพิ่มค่า Time On Site ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO อีกเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า การเลือก Keyword SEO มีบทบาทอย่างมาก ต่อการทำให้เว็บไซต์ได้รับความนิยม หากต้องการให้เว็บไซต์ทางธุรกิจประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขายเพิ่มขึ้นและสามารถขยายฐานลูกค้าให้เป็นวงกว้างขึ้นในระยะยาว ต้องใส่ใจการใช้ Keyword SEO ในทุกข้อที่กล่าวมา

ควรพิจารณา Keyword SEO จากหลักเกณฑ์ต่อไปนี้

รอบรู้ เรื่องคีย์เวิร์ดการทำ SEO

Jimbe Allen
09/08/2019

การทำ SEO สิ่งสำคัญที่เป็นปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการกำหนดคีย์เวิร์ด (Keyword) ในการเขียนคอนเทนต์ที่จะเป็นตัวกำหนดหัวข้อในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องรู้ว่าสิ่งที่ต้องการสื่อสารนั้นต้องการสื่อสารกับใคร ต้องการข้อมูลประเภทไหน ขอบเขตคืออะไร จากนั้นกำหนดคีย์เวิร์ดเพื่อเป็นการย้ำเตือนในสิ่งสำคัญที่ต้องการจะสื่อสารออกไป เพื่อให้เนื้อหาตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

คีย์เวิร์ด (Keyword) คือ คำหรือวลีที่ทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google จากการกำหนดคำให้ตรงตามกับความต้องการ และปัญหาของผู้คนอย่างชัดเจนจากการค้นหาผ่าน Search Engine ซึ่งคำหรือวลีนั้นจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือ บริการที่เราทำอยู่ สิ่งที่เว็บเพจต้องการคือทำให้เว็บนั้นติด 1 ใน 3 บนหน้าผลการค้นหาของ Google เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ต้องการให้มากที่สุด โดยมีสิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมดังนี้

การกำหนดคีย์เวิร์ดสำคัญต่อการทำการตลาด

การที่เราสร้างข้อมูลขึ้นมาก็เพื่อสื่อสารให้กับกลุ่มลุกค้าได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไปใช้งาน การกำหนดคีย์เวิร์ดที่ดีจะเป็นการสื่อสารกับลูกค้าที่ต้องการสื่อสารโดยตรง จากนั้นจะมีกลุ่มลุกค้าที่ให้ความสนใจจริงและสนใจที่จะใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากเราในที่สุด

การกำหนดคีย์เวิร์ดเพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก

การทำ SEO ก็เพื่อให้ข้อมูลของเว็บไซต์นั้นติดหน้าแรกของ Google จะต้องคำนึงถึงผู้คนที่ต้องการจะสื่อสาร โดยมีหัวเรื่องที่ชัดเจน มีคีย์เวิร์ดอยู่ในนั้นด้วย จากนั้นจะต้องมีการอธิบายขยายความหัวข้อนั้นให้เพื่อให้ระบบทำดัชนีของกูเกิลรับรู้และทำการเชื่อมโยงในผลการค้นหา

การกำหนดคีย์เวิร์ดเพื่อสร้างข้อมูลที่เป็นประโยชน์

การกำหนดคีย์เวิร์ดขึ้นมาเพื่อขยายความในคอนเทนต์นั้นให้ชัดเจน ในคีย์เวิร์ดที่กำหนดขึ้นมาว่าสิ่งนั้นสำคัญอย่างไรและต้องการที่จะสื่อสารอะไรออกไปจากคีย์เวิร์ดนั้น เนื่องจากในท้องตลาดมีการทำคอนเทนต์ขึ้นมามากมายจำเป็นที่จะต้องกำหนดคีย์เวิร์ดและมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องตรงประเด็นควบคู่ไปด้วย

Niche คีย์เวิร์ด

การเขียนคอนเทนต์คำนั้นจะต้องเป็นคำที่มีความหมาย ทำให้มองเห็นภาพรวมของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ โดยการกำหนดคีย์เวิร์ดขึ้นมาเพื่อขยายความได้หลากหลายคำ โดยแตกออกจากคีย์เวิร์ดหลักเพียงคำเดียว ซึ่งจะต้องคิดและกำหนดให้ดีและให้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้คนสนใจค้นหาจริง ๆ มากที่สุด

คีย์เวิร์ดจะต้องเกี่ยวข้องกับผู้คน

คำที่ใช้ในการสื่อสารที่เป็นคีย์เวิร์ดจะต้องมีความหมาย มีนัยยะที่ใช้สื่อสารกับผู้คนให้เข้ามายังเว็บไซต์และใช้บริการจากการกำหนดคำแทนความหมาย ลักษณะ นิสัย ความต้องการ อุปสรรคปัญหาโดยใช้คำที่แทนความหมายได้เป็นอย่างดี หากเป็นสินค้าก็คือ ยี่ห้อ รุ่น ชื่อของสินค้านั้นแทนด้วยคีย์เวิร์ด เช่น ซ่อม โน้ตบุ๊ก ยี่ห้อ รุ่น ZZZ หรือ เสื้อผ้า มือสอง ต่างประเทศ เป็นต้น

การใช้คีย์เวิร์ดในการทำ SEO จำเป็นอย่างมากในการสื่อสาร ซึ่งจะต้องมีความรอบรู้โดยเฉพาะอุปสรรคปัญหาความต้องการของกลุ่มลูกค้าว่าลูกค้ามักใช้คำว่าอะไรในการค้นหาข้อมูล เพื่อดึงกลุ่มคนให้เข้ามาสู่เว็บไซต์ ด้วยการกำหนดคีย์เวิร์ดเฉพาะเจาะจงและให้ครอบคลุมที่สุด

การกำหนดคีย์เวิร์ดสำคัญต่อการทำการตลาด

กลยุทธ์การใช้ SEO เอาชนะแบรนด์ใหญ่ แม้งบประมาณจำกัด

Jimbe Allen
09/07/2019
กลยุทธ์การใช้ SEO เอาชนะแบรนด์ใหญ่ แม้งบประมาณจำกัด

บริษัทขนาดเล็กจำนวนมากไม่กล้าแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ด้วยเชื่อว่า Google นิยมจัดอันดับแบรนด์ดังและธุรกิจขนาดใหญ่ที่ทุ่มงบประมาณมหาศาลในการทำ SEO จึงพากันถอดใจกันไปเสียก่อน ความจริงแล้วการแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่แม้งบประมาณเพียงเล็กน้อยก็เป็นไปได้ หากรู้จักการทำตลาดอย่างสร้างสรรค์ดึงดูดลูกค้าให้สนใจสินค้าหรือบริการ ในฐานะธุรกิจขนาดเล็กจะสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ทำให้ลูกค้ามีความเข้าใจธุรกิจง่ายกว่าบริษัทขนาดใหญ่

หากใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบดังกล่าวเพิ่มประสิทธิในการค้นหาเพื่อเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ส่งผลให้ติดอันดับ SEO ในลำดับต้น ๆ ได้ ดังต่อไปนี้

1.วิจัยคำหลัก

บริษัทขนาดใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับคีย์เวิร์ดปริมาณมากซึ่งใช้งบประมาณสูง บริษัทขนาดเล็กมีเงินทุนน้อย จำเป็นต้องลงลึกโดยเลือกวลีที่มีความหมายเฉพาะเจาะจง เช่น

-สถานที่น่าเที่ยวที่สุด ช่วงเดือนเมษายน
-กิจกรรม ต้องพาเด็กไปสัมผัสที่พัทยา
-ร้านอาหารที่สัตว์เลี้ยงเข้าได้ ในกรุงเทพฯ
-โรงแรมหรูสำหรับครอบครัว ในเชียงใหม่

จากตัวอย่างข้างต้น ลูกค้ามีโอกาสค้นเจอวลีเฉพาะเจาะจงว่า “ร้านอาหารที่สัตว์เลี้ยงเข้าได้ ในกรุงเทพฯ” โดยไม่ต้องแยกจัดอันดับคำหลัก 2 คำ คือ “ร้านอาหารในกรุงเทพฯ” และ “สัตว์เลี้ยงเข้าได้” การทำวิจัยคำหลักที่ดีจะนำทางผู้ชมค้นพบสิ่งที่ต้องการรวดเร็ว และส่งผลให้ธุรกิจขนาดเล็กมีศักยภาพการแข่งขันสูงในคราวเดียวกัน

2. เนื้อหาเฉพาะด้าน

นอกเหนือจากวิจัยคำหลักแล้ว ต้องสร้างเนื้อหาเฉพาะด้าน เขียนข้อมูลเชิงลึกเรียบเรียงโครงสร้างเนื้อหาที่ดี น่าอ่าน พร้อมทั้งตั้งชื่อบทความน่าสนใจ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสเป็นลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา บทความที่ดียังช่วยให้อยู่อันดับที่ดีใน Google ด้วย ผู้เขียนคอนเทนต์จึงต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการทำ SEO อย่างแท้จริง

3.การตลาดเชิงสร้างสรรค์

บริษัทขนาดใหญ่มีข้อจำกัดในการทำงาน การจะริเริ่มสิ่งใหม่ต้องผ่านการตัดสินใจหลายแผนก ผู้บริหารไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยง ผู้ถือหุ้นก็ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ดีทุกครั้ง แตกต่างจากธุรกิจขนาดเล็กที่มักจะมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนลองทำสิ่งใหม่ ๆ โดยไม่กลัวว่าจะไม่สำเร็จ บางครั้งสิ่งที่ทำอาจไม่ได้ผล แต่จะเริ่มลองวิธีถัดไปอย่างรวดเร็วและอิสระ ถือเป็นความได้เปรียบอย่างหนึ่งและสร้างธุรกิจมีชื่อเสียงดึงดูดผู้ชมติดตามจำนวนมาก ส่งผลให้เว็บขึ้นหน้าแรกของ Google ได้เหมือนกัน

4.เติบโตแบบก้าวกระโดด

ธุรกิจขนาดใหญ่เคลื่อนตัวช้า ส่วนธุรกิจขนาดเล็กตัดสินใจง่าย สามารถตอบสนองลูกค้ารวดเร็วโดนใจกลุ่มเป้าหมายในทันที ธุรกิจขนาดเล็กมีแนวโน้มเติบโตรวดเร็วและกำลังก้าวขึ้นไปแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ที่มีทุนสูงในการอัดโฆษณาสร้างกระแสนิยมในกลุ่มผู้บริโภค กิจการขนาดเล็กมีทางเลือกที่ฉลาดด้วยการนำเสนอบทความที่น่าสนใจโพสต์อย่างสม่ำเสมอ เป็นเทคนิคการทำตลาดที่ใช้งบประมาณน้อยแต่ดึงดูดความสนใจลูกค้าอย่างมาก ขณะเดียวกันควรอาศัยความคล่องตัวให้เป็นข้อได้เปรียบในการทำตลาดดิจิทัลแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ

ผู้ประกอบการ SME สามารถนำเทคนิค SEO พื้นฐานไปใช้เสริมจุดแข็งและแย่งความสนใจจากคู่แข่งโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนมากมายเกินตัว

การทำตลาดอย่างสร้างสรรค์ดึงดูดลูกค้าให้สนใจ