ทำไมต้องจ้างนักเขียนทำบทความ SEO ?

Jimbe Allen
01/04/2020

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าการเขียนบทความนั้นเป็นสิ่งที่ใครก็ทำได้และ การเขียนบทความ SEO ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากเพียงแค่รู้หลักการเท่านั้น แต่เดี๋ยวก่อน… เรามาดูกันว่าการจ้างนักเขียนบทความ SEO นั้นช่วยทำให้การทำ SEO ไต่อันดับและช่วยงานคุณได้อย่างไรบ้าง แล้วคุณอาจเปลี่ยนใจอยากจ้างนักเขียนไปตลอดก็ได้นะ

เหตุผลที่ต้องจ้างเขียนบทความ

การเขียนบทความ SEO ไม่ได้เป็นเพียงแค่บทความทั่วไป

หากคุณคิดว่าบทความทั่วไปที่ไม่ต้องมีคีย์เวิร์ดนั้นยากอยู่แล้ว คุณจะเข้าใจได้แบบง่าย ๆ ว่าการเขียนบทความ SEO นั้นมีระดับความยากยิ่งกว่า เพราะบทความ SEO ต้องมีการแทรกคีย์เวิร์ด สอดแทรกเนื้อหาที่แบรนด์ต้องการสื่อสารออกไป แต่ในทางเดียวกันก็ต้องไม่ทำให้บทความน่าเบื่อเพื่อให้คนอ่านสามารถอ่านไปได้จนจบอีกด้วยเหมือนกัน

บทความแต่ละบทใช้เวลาในการเขียน

แน่นอนว่าการเขียนบทความทั่วไปนั้นไม่ได้ใช้เวลาน้อย ๆ อย่างที่หลายคนคิด เพราะในขั้นตอนของการเขียนไม่ได้มีเพียงแค่การพิมพ์ตัวหนังสือออกมาเท่านั้น แต่ยังมีขั้นตอนของการค้นคว้าและเรียบเรียงตัวหนังสือเพื่อให้ได้บทความที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและครอบคลุมสิ่งที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร พร้อมกับแทรกคีย์เวิร์ดหลายคำเข้าไปอีกด้วย มันน่าจะดีกว่าถ้าคุณจ้างนักเขียนที่มีความเชี่ยวชาญมาจัดการให้

นักเขียนมีความเชี่ยวชาญและทักษะในการเขียนบทความ SEO มากกว่า

อย่างที่เรารู้กันไปแล้วว่าบทความ SEO นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่บทความธรรมดาทั่วไป นอกจากจะต้องใช้ทักษะทางด้านการเขียนแล้ว ยังต้องมีความเข้าใจวิธีการทำ SEO อีกด้วย ลองคิดดูสิว่าการที่คุณต้องเขียนเองนั้น ต้องใช้เวลาเรียนรู้นานกี่เดือนจึงจะเขียนบทความให้มีคุณภาพได้ แต่นักเขียนบทความ SEO จะช่วยตัดปัญหาเรื่องของการที่คุณต้องไปนั่งเรียนเองหรือหาความรู้เอาเองได้เยอะเลยทีเดียวล่ะ

ได้ผลลัพธ์ทันทีด้วยบทความที่มีคุณภาพ

คุณสามารถนำบทความ SEO ที่ได้จากนักเขียนไปใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องมานั่งคิดเองว่าจะต้องวางคีย์เวิร์ดไว้ตรงไหนบ้าง แล้วแต่ละบทจะต้องมีกี่คำ เพราะนักเขียนจะเป็นคนจัดการให้คุณทั้งหมดเสร็จสรรพ โดยบทความที่ได้จะเป็นบทความที่มีทั้งคีย์เวิร์ดที่คุณต้องการ มีจำนวนคำที่เหมาะสมต่อการทำ SEO และยังเป็นบทความที่วางตำแหน่งแต่ละพารากราฟได้อย่างลงตัว สามารถนำไปโพสต์ได้เลยทันที

เห็นไหมว่าการจ้างนักเขียนเพื่อทำบทความ SEO นั้นไม่ได้แค่ช่วยให้คุณได้บทความ SEO ที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดงบประมาณและช่วยย่นเวลาของคุณเพื่อไปดูแลงานอย่างอื่นได้อีกเยอะเลยทีเดียว แล้วคุณล่ะอยากเปลี่ยนจากการเขียนบทความเอง มาเป็นการจ้างนักเขียนแทนหรือไม่

เหตุผลที่ต้องจ้างเขียนบทความ

จะทำ SEO ต้องรู้หลักเกณฑ์การจัดอันดับของ Google

Jimbe Allen
30/03/2020
หลักเกณฑ์การจัดอันดับของ Google 4 ข้

การจะทำให้เว็บใดเว็บหนึ่งไปอยู่บนหน้าแรกของ Google ได้นั้น ไม่ใช่เพียงแค่เป็นบทความคุณภาพหรือเป็นบทความที่มีคนอ่านเยอะ ๆ เท่านั้น ยังมีปัจจัยสำคัญอีกหลายอย่างที่ผู้ทำ SEO จะต้องทราบเพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้กับการทำ SEO ผลิตผลงานออกมาตรงกับสเปคของ Google ให้มากที่สุด หลัก ๆ แล้วเกณฑ์การจัดอันดับบน Google จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อ รับรองได้เลยว่าไม่ยากเกินไป ใคร ๆ ก็ทำได้

หลักเกณฑ์การจัดอันดับของ Google 4 ข้อ ที่ผู้ทำ SEO ไม่รู้ไม่ได้

Mobile Friendly เพราะเดี๋ยวนี้ต้องยอมรับว่าการใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนเข้ามามีบทความในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก จากแต่ก่อนผู้บริโภคจะได้รับข่าวสารจากทางโทรทัศน์ แต่เดี๋ยวนี้ยอดผู้ใช้สมาร์ทโฟนสูงกว่าผู้ใช้โทรทัศน์และวิทยุรวมกันเสียอีก จึงไม่แปลกเลยที่ใครก็ตามหวังจะดันเว็บไซต์ของเราให้ขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกของ Google ให้ได้ จำเป็นต้องปรับตัวตรงนี้ด้วย โดยเว็บที่เป็น Mobile Friendly อาจจะไม่ได้หมายถึงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วย เพราะสมัยนี้ทุกอุปกรณ์เชื่อมต่อกันได้หมดแล้ว

การเขียนบทความคุณภาพ การเขียนบทความ SEO ให้ได้คุณภาพจะต้องอาศัย Content ที่น่าสนใจในการนำเสนอ จริง ๆ แล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องเขียนบทความให้เทียบเท่ากับกวีเอกหรืออย่างไร เพียงแค่เป็นบทความที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย มีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจเท่านั้นก็เพียงพอที่จะเป็นบทความคุณภาพได้แล้ว สังเกตได้จากเว็บดัง ๆ หลายเว็บก็ไม่ได้เขียนบทความที่แปลกพิสดารอะไรนัก ก็เป็นบทความที่อ่านง่าย แต่สำคัญที่บทความที่เขานำเสนอเป็นบทความที่ตรงใจผู้บริโภคนั่นเอง

เวลาที่ใช้บนเว็บไซต์ การจัดอันดับของ Google จะสนใจด้วยว่าพฤติกรรมของผู้อ่านมีส่วนร่วมกับเว็บไซต์ของเรามากน้อยแค่ไหน โดยเว็บที่ผู้อ่านใช้เวลาบนเว็บไซต์ของเรานาน ๆ จะได้คะแนนมากกว่าเว็บที่ผู้อ่านเข้าไปแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว คำถามคือจะทำอย่างไรให้ผู้อ่านติดตามเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเราได้นานพอ มันจะมีเทคนิคอยู่อย่างหนึ่งเรียกว่าบทความประเภท How to หรือ Evergreen Content เป็นบทความแนะนำทีละสเต็ป ๆ ผู้อ่านจะเปิดหน้าเว็บของเราค้างเอาไว้หรือไม่ก็จะกลับมาอ่านซ้ำอย่างแน่นอน

จำนวนผู้เข้ามายังหน้าเว็บไซต์ของเรา หลักเกณฑ์ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการจัดอันดับของ Google ก็คือจำนวนผู้เข้าชม หากเว็บอื่น ๆ ทำตามหลักเกณฑ์ข้างต้นและได้คะแนนพอ ๆ กัน ทำให้ Google จะตัดสินใจจากจำนวนผู้ชมเป็นอันดับสุดท้าย เพราะถึงแม้ Google จะให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ แต่ก็อย่าลืมว่าจุดประสงค์ของการจัดอันดับบน Google ก็เกี่ยวข้องกับความนิยมของเว็บไซต์ด้วย หากไม่มีผู้ชมก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็น Content ที่ดีนัก

เมื่อผู้ทำ SEO ได้รู้หลักเกณฑ์การจัดอันดับของ Google แล้ว ก็สามารถนำความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้กับการสร้าง Content คุณภาพได้ อาจจะโฟกัสไปที่กลุ่มผู้บริโภคก่อนว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไร ใช้สมาร์ทโฟนหรือคอม PC มากกว่ากัน เขาสนใจเนื้อหาในเรื่องไหน เราจะทำ Content ให้ตรงใจได้อย่างไร รวมถึงเนื้อหาในบทความนั้นจะดึงดูดให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในเว็บไซต์ได้นานแค่ไหน เชื่อว่าถ้าเราทำได้ตามหลักเกณฑ์ 3 ข้อข้างต้นแล้ว จำนวนผู้ชมเว็บไซต์ในข้อที่ 4 จะตามมาเองโดยปริยาย

จะทำ SEO ต้องรู้หลักเกณฑ์การจัดอันดับของ Google

Yoast SEO มีประโยชน์อย่างไรต่อเว็บไซต์ของคุณ

Jimbe Allen
22/03/2020
Yoast SEO จะแนะนำให้ผู้ทำเว็บไซต์มีการแก้ไข

Yoast SEO เป็น plugin ที่คนทั่วโลกนิยมใช้ในการทำงานคู่กับ WordPress ในการผลิตบทความ SEO ให้แก่เว็บไซต์ต่าง ๆ เพราะสามารถช่วยวิเคราะห์จุดบกพร่องก่อนนำเสนอสู่ระบบ Google ทำให้อันดับ SEO ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและจำนวนลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่ให้กับเว็บไซต์ได้มากกว่าเดิม

ทุกธุรกิจที่ทำเว็บไซต์ SEO ต่างก็ต้องการให้ชื่อข้อมูลของเว็บไซต์ตัวเองปรากฏในหน้าแรก อันดับต้น ๆ ใน Google เมื่อมีการหาด้วย keyword หนึ่ง ๆ หรือที่เรียกว่า หน้า SERPs ซึ่งย่อมาจากคำว่า Search engine result pages ดังนั้น หากคุณไม่รู้วิธีการใช้ Yoast SEO ก็เท่ากับพลาดโอกาสในการแข่งขันกับเว็บไซต์อื่นไปอย่างมาก

การใช้งาน Yoast SEO ถือว่าใช้เวลาในการเรียนรู้น้อย เพราะระบบทำให้เข้าใจได้ง่าย เจ้าของกิจการเว็บไซต์ SEO สามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Yoast SEO ได้ฟรี เพื่อหัดใช้งานไปพร้อม ๆ กับการใช้ WordPress

Yoast SEO ถือได้ว่าเป็น plugin แรก ๆ ที่คนที่ใช้งานโปรแกรม WordPress ซึ่งต้องใช้สำหรับทำบทความ SEO คุณภาพสูง ต้องเรียนรู้ให้เป็นตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การตั้งชื่อเรื่อง (title) การคิดเนื้อหาที่ต้องใส่ keyword SEO ที่เหมาะสม การเขียนบทคัดย่อ (meta-description) การใส่คำสำคัญประจำรูปภาพ ฯลฯ ให้มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด

สิ่งที่โดดเด่นใน Yoast SEO คือ ระบบไฟแสดงสีสามแบบ คือ แดง ส้ม เขียว ที่หมายถึง ผ่านแล้ว ทำได้ดีมาก หรือต้องปรับปรุง ซึ่งจะมีคำภาษาอังกฤษเป็นบทวิเคราะห์ให้ผู้ใช้งานเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าต้องแก้ไขอะไรบ้าง และเมื่อแก้ไปเรื่อย ๆ ระบบก็จะประมวลผลใหม่ตลอดเวลา จึงสะดวกอย่างมากในการตั้งค่าเพื่อ SEO

สิ่งที่ Yoast SEO จะแนะนำให้ผู้ทำเว็บไซต์มีการแก้ไข ตัวอย่างเช่น

ความยาวของหัวเรื่องที่ต้องไม่สั้นหรือยาวเกินไปและใส่ keyword หลักให้ครบถ้วน

การใส่ keyword ลงในส่วน meta-description เพื่อเกริ่นนำเนื้อหาสำหรับให้ผู้อ่านตัดสินใจที่จะคลิกเข้ามาในเว็บไซต์

การกระจายตำแหน่งและความซ้ำของคำสำคัญในเนื้อหา

การทำลิงก์แทรกในบทความ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน

การใส่รายละเอียดของรูปภาพ ในช่อง alt text เพื่อเพิ่มโอกาสหารูปได้ง่ายจาก image search ของ Google
การตั้งชื่อหัวข้อย่อย เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจของผู้อ่าน

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว Yoast SEO ยังเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ทำเว็บไซต์ SEO ในการมีปุ่มแชร์ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลหลังจากการตรวจแก้ไขเรียบร้อย ไปยัง platform ต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และลดโอกาสที่ลิงก์จะผิดพลาดได้ด้วย

จะเห็นได้ว่า Yoast SEO มีประโยชน์ต่อการทำเว็บไซต์ของคุณให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ Google อย่างมาก หากศึกษาการใช้งานได้อย่างชำนาญ ก็จะทำให้ผลลัพธ์การทำ SEO ดีขึ้น จนมียอดขายและลูกค้ามากขึ้นอย่างแน่นอน

Yoast SEO มีประโยชน์อย่างไรต่อเว็บไซต์ของคุณ

เรื่องดี ๆ ของ Ubersuggest ที่คนทำ SEO ต้องสนใจ

Jimbe Allen
19/02/2020

การทำ SEO หรือ search engine optimization จำเป็นในการทำให้ธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ซึ่งโปรแกรมหนึ่งที่นักการตลาดออนไลน์แนะนำให้คนทำเว็บไซต์ SEO เรียนรู้ คือ Ubersuggest ที่คิดโดย Neil Patel จะช่วยให้ทำ SEO อย่างมีผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

โปรแกรม Ubersuggest สามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรี และมีจุดเด่นที่สามารถค้นหา keyword ได้ทั้งแบบภาษาไทยและอังกฤษ ในทุกวงการธุรกิจอย่างไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่า คุณจะขายสินค้าจำพวกแม่และเด็ก ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เครื่องสำอาง ของใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไอที รถยนต์ ประกันภัย โรงแรมที่พัก รีสอร์ท และอื่น ๆ ก็สามารถใช้โปรแกรมนี้ได้

อย่างไรก็ตาม Ubersuggest มีข้อเสีย ที่ไม่สามารถย้อนดูประวัติการหา keyword เก่า ๆ ที่เคยทำเอาไว้ได้ และไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการวางแผนงาน SEO อย่างซับซ้อน เพราะเน้นการใช้งานในวงกว้างมากกว่า

ตัวอย่างประโยชน์จากการใช้งาน Ubersuggest ได้แก่

ช่วยในการเลือก keyword ที่เหมาะสมในการเขียนบทความได้

การหา keyword ที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง เป็นสิ่งสำคัญเพราะจะทำให้โอกาสในการถูกสืบค้นมีมากยิ่งขึ้นหลายเท่า ซึ่งผู้ใช้งานที่ดาวน์โหลดโปรแกรมนี้แล้ว ได้เลือกภูมิภาคของลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการให้รู้จักเว็บไซต์ เช่น เลือกประเทศไทย โปรแกรม Ubersuggest ก็จะแสดงค่าสถิติการใช้งาน keyword แต่ละคำในสายธุรกิจของคุณออกมา ซึ่งจะแสดงทั้งส่วนของภาพรวมการค้นหาหรือ search volume ศักยภาพในการแข่งขันเมื่อเทียบกับคำสำคัญอื่น ๆ หรือ ค่า search difficulty และประสิทธิภาพในการสื่อสารกระตุ้นให้คลิกเข้ามาชมในเว็บไซต์ หากใช้ในการทำโฆษณา ที่เรียกว่า ค่า page difficulty เป็นต้น

การดูสถิติค่า Traffic การเข้าชมของเว็บไซต์

หลังจากทำ SEO จำเป็นที่ต้องรู้ว่ามีประสิทธิภาพคุ้มค่าเพียงใด นั่นคือการดูที่สถิติ traffic ที่ Ubersuggest จะแสดงเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่บ่งบอกให้รู้ว่า domain เว็บไซต์ของคุณสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ โดยโปรแกรมจะจำแนกเป็น organic keyword คือ จำนวน keyword ที่ติดหน้าสืบค้นของ Google อันดับต้น ๆ โดยมาจากการทำ SEO โดยตรง ไม่อาศัยการโฆษณา และยังมีการคำนวณ organic monthly traffic หรือจำนวนคนที่เข้ามาคลิกเข้ามาชมในเว็บไซต์ต่อเดือนเป็นแบบภาพรวมด้วย ที่มาจากการเห็นชื่อบทความและบทย่อที่ดึงดูดใจ เป็นต้น

โปรแกรม Ubersuggest นับว่าเป็นตัวช่วยด้าน SEO ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นจากคนรุ่นใหม่ เพราะสามารถที่จะเรียนรู้การใช้งานได้ง่าย คนทำเว็บไซต์ออนไลน์มือใหม่ จึงไม่ต้องเสียโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ เราหวังว่าบทความนี้จะให้ข้อมูลที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ให้แก่คนที่สนใจทำเว็บไซต์ SEO เพื่อนำไปปรับใช้ให้ธุรกิจเติบโตมากยิ่งขึ้น

เรื่องดี ๆ ของ Ubersuggest ที่คนทำ SEO ต้องสนใจ

ยอดขายไม่ดี ใช้เทคนิค SEO ช่วยได้

Jimbe Allen
02/02/2020
ยอดขายไม่ดี ใช้เทคนิค SEO ช่วยได้

การขายของออนไลน์ในยุคปัจจุบัน มีอัตราการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง ความงาม แฟชั่น วิตามิน อาหารเสริม ฯลฯ

ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดจึงแนะนำให้ผู้ที่ต้องการเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า เรียนรู้เทคนิค SEO หรือ search engine optimization เพื่อนำมาปรับปรุงเพจหรือเว็บไซต์สม่ำเสมอ จะช่วยให้มีผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นได้ เรามาดูกันว่าจะมีเทคนิคใดบ้าง

เทคนิคช่วยให้ธุรกิจมีผลลัพธ์ที่ดี

การทำ backlink ให้แก่เว็บไซต์

ทุกประเภทเว็บไซต์ทางธุรกิจควรจะต้องมีพันธมิตรที่สามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนลิงก์ จะทำให้ขยายฐานลูกค้าได้กว้างยิ่งขึ้น หากคุณขายสินค้าจำพวกของเล่นเด็ก ก็ควรติดต่อเชื่อมโยงลิงก์กับเพจหรือเว็บไซต์ที่ขายสินค้ากลุ่มสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกปลอดสารพิษ สินค้าเพื่อสุขภาพเด็กและวัยรุ่น ฯลฯ เนื่องจากจะมีโอกาสขายได้สูงขึ้น และยังเป็นการเพิ่มค่า Traffic ให้กับเว็บไซต์ส่งผลให้ลำดับการสืบค้นผ่าน Google ดียิ่งขึ้นด้วย

การปรับโครงสร้างเว็บไซต์

เว็บไซต์ที่ดีควรมีลักษณะที่ใช้งานง่ายทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีการแยกหมวดประเภทสินค้าที่ชัดเจน เช่น วิตามินกลุ่มบำรุงสมอง บำรุงความงาม บำรุงกระดูก ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาในการหานาน อาจมีแชทบอทที่เป็นระบบ AI ตัวช่วยให้การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ให้ลูกค้าประทับใจในความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ดังที่มีการศึกษาพบว่าคนรุ่นใหม่นิยมสอบถามข้อมูลจากแชทบอทเพราะไม่ต้องรอเวลาตอบคำถามจากผู้จัดการเว็บไซต์และยังเป็นตัวช่วยที่เสริมภาพลักษณ์ให้ทันสมัยด้วย

การใส่ keyword ลงใน เพจของ Facebook

การทำ SEO ให้กับ Facebook ก็อาศัยหลักการเดียวกันกับการทำใน Google ควรนำ keyword ที่เกี่ยวกับสินค้าที่คุณจำหน่าย ใส่ลงในช่องรายละเอียดและกรอกข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วนมากที่สุด เพื่อผู้คนพิมพ์หาผ่านช่อง search เพจธุรกิจของ Facebook เจอได้ง่าย ๆ และควรเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของเพจ โดยการใส่ลิงก์ของเว็บไซต์ลงในช่องทางการติดต่ออีกทางหนึ่งด้วย

การทำ SEO ให้แก่รูปภาพ

รูปภาพเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้บทความดูน่าสนใจ ซึ่งควรใส่รายละเอียดว่า ใครในภาพกำลังทำอะไร ที่ไหน และใช้อุปกรณ์ที่มีสีอะไรบ้าง เพราะระบบ algorithm จะนำไปวิเคราะห์และแยกแยะข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว สำหรับการนำไปแสดงในส่วนของ Image บน Google ที่จะช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ ทำให้ลูกค้ามีโอกาสเห็นเว็บไซต์ของคุณได้บ่อย นำมาซึ่งการขายที่มากยิ่งขึ้นได้

การใช้เทคนิค SEO ที่กล่าวมาร่วมกันต่อเนื่อง 3-6 เดือน จะช่วยให้อันดับ SEO ของเว็บไซต์ดีขึ้น และทำให้คุณมีโอกาสเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ส่งผลให้มียอดขายที่ดีขึ้นตามมาอย่างแน่นอน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเห็นช่องทางในการแก้ไขและพัฒนาเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จได้ต่อไป

เทคนิคช่วยให้ธุรกิจมีผลลัพธ์ที่ดี

Google algorithm สำหรับเว็บไซต์ SEO ที่คุณควรรู้จัก

Jimbe Allen
10/01/2020
Google algorithm สำหรับเว็บไซต์ SEO ที่คุณควรรู้จัก

การทำ SEO หรือ search engine optimization เป็นสิ่งที่ช่วยในการประเมินคุณภาพของแต่ละเว็บไซต์ เพื่อจัดอันดับให้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงอยู่ในอันดับต้นของหน้าต่างการสืบค้นทางช่อง Search Google เสมอ ซึ่ง algorithm ที่ Google ออกแบบเพื่อการวิเคราะห์ในแต่ละส่วนของเว็บไซต์มีอยู่หลายชนิดและมีการพัฒนามาตามลำดับ โดยมีข้อมูลของแต่ละ algorithm ที่ผู้ดูแลเว็บไซต์และเจ้าของกิจการออนไลน์ควรทำความรู้จัก ดังนี้

ผู้ดูแลเว็บไซต์ ควรรู้สิ่งเหล่านี้

1. แพนด้า

เป็นระบบการตรวจจับการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น การใช้บทความที่เนื้อหาคัดลอกจากเว็บไซต์อื่นโดยตรง รวมถึงการใช้ภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย ซึ่ง ปัจจุบันผู้ที่ผลิต บทความ SEO จะต้องตรวจสอบคำซ้ำ หรือ ทำ plagiarism check เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่มีปัญหาการคัดลอกลิขสิทธิ์ในเบื้องต้น จึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหากับ AI ระบบนี้

2. เพนกวิน

เพนกวินเป็นการตรวจสอบลิงก์ที่เชื่อมโยงกับเพจหรือเว็บไซต์ที่ต้องทำตามกฎของ Google คือ ไม่ใช่การซื้อลิงก์หรือการเชื่อมโยงเพจที่คุณภาพต่ำ ทำ spam เพื่อเน้นการปั่นให้ keyword ถูกสืบค้นง่าย ซึ่งหากระบบเพนกวินพบว่ามีการทำเป็นสแปม จะทำให้ถูกแบนหรือลดอันดับความน่าเชื่อถือได้

3. pirate

เป็นตัวช่วยในการหาเว็บไซต์ที่โจรกรรมข้อมูล เช่นการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ เพลง ซีรีส์ ฯลฯ หากคุณนำภาพยนตร์ที่ไม่ผ่านการขอใช้เป็นกิจจะลักษณะ มีหลักฐาน หรือละเมิดสิทธิ์ใด ๆ มาใช้ ก็จะถูกตรวจจับจาก AI ตัวนี้อย่างแน่นอน

4. ฮัมมิ่งเบิร์ด

เป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้งาน Google ได้อ่านงานเขียนที่มีคุณภาพสูง จากเว็บไซต์อันดับต้น มีภาษาที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีการใส่ คีย์เวิร์ด มากเกินไปจนรบกวนสายตา คุณอาจจะเคยเห็นงานแปลที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือ Robot แปล ซึ่งจะมีความผิดพลาดทั้งในเนื้อหาและมีความแข็งทื่อของสำนวนภาษา ซึ่งระบบอัลกอริทึมนี้ของ Google จะตรวจสอบได้ว่าเป็นงานเขียนคุณภาพต่ำ และจะจัดให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาแบบนั้นมีอันดับอยู่ล่าง ๆ

5. พอสซั่ม

เป็นระบบวิเคราะห์ว่าธุรกิจใดที่ระบุตำแหน่งที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับที่ผู้ใช้งาน Google กำลังสืบค้น ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ควรระบุให้ละเอียดที่สุดเพื่อประโยชน์ในการแข่งขันทางธุรกิจและความเชื่อมั่นของลูกค้า ตัวอย่างเช่น ลูกค้ากำลังมองหาร้านขายคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย หรือหารีสอร์ทติดทะเลในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระบบจะนำเสนอเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงที่สุด และมีที่ตั้งอยู่ใกล้สัมพันธ์กับตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของตัวผู้สืบค้นข้อมูลก่อน

จะเห็นได้ว่าระบบ algorithm ของ Google เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการแข่งขันคุณภาพในระบบ SEO ซึ่งสามารถคัดกรองคุณภาพของเว็บไซต์และช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้งาน Google ซึ่งเป็น search engine อันดับต้น ๆ ของโลกมากยิ่งขึ้น เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านได้เข้าใจระบบ algorithm ของ AI และปฏิบัติตามระเบียบที่ Google แนะนำ เพื่อทำให้การทำ SEO ประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้น

ผู้ดูแลเว็บไซต์และเจ้าของกิจการออนไลน์

แบบไหนถึงควรจ้างทำ SEO และเลือกอย่างไรดี

Jimbe Allen
20/12/2019
เมื่อไหร่ที่คุณควรจ้างบริษัททำ SEO

การทำ SEO หรือ search engine optimization ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้เร็ว สร้างแบรนด์ให้รู้จักในวงกว้าง ทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น จึงทำให้ยอดขายตามมาได้ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อไหร่ควรที่จะจ้างทำ SEO และควรมองหาบริษัทที่ไหนดี เรามีคำตอบให้ในบทความนี้

เมื่อไหร่ที่คุณควรจ้างบริษัททำ SEO

หากคุณประสบปัญหาว่า เว็บไซต์ที่เปิดมาได้สักพัก ไม่มีจำนวนผู้เข้าชม หรือแม้มีผู้เข้าชมก็แทบไม่มีการสั่งออเดอร์สินค้าใด ๆ รวมถึงแม้จะมีการแชร์ไปทางแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น facebook หรือ Instagram แล้ว ก็ยังไม่มีคนสนใจ แสดงว่าคุณต้องมีการปรับปรุงทั้งส่วน on-Page และ off-Page SEO ซึ่งบริษัทรับทำ SEO สามารถที่จะช่วยตรงนี้ได้

การหาบริษัทรับทำ SEO

คุณควรที่จะสอบถามจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่มีการจ้างบริษัททำ SEO มาก่อน ให้เขาช่วยแนะนำ จะลดความเสี่ยงในการหาบริษัทที่ไม่มีที่มาที่ไปได้ ทั้งทำให้คุณรู้ฝีมือคร่าว ๆ ได้ว่าสร้างผลลัพธ์ให้ยอดขายหรือลูกค้าเพิ่มขึ้นได้มากน้อยเพียงใดจากประสบการณ์คนใกล้ตัว

แต่หากคุณไม่มีคนรู้จัก แนะนำให้เลือกจากรายชื่อบริษัทที่โฆษณาผ่าน Google ที่เห็นอยู่ในด้านบนของหน้าต่างสืบค้น ของGoogle search บริษัทเหล่านี้มักมีความเป็นมืออาชีพ มีหลักฐานที่ยืนยันตัวตนได้อย่างชัดเจน ลดโอกาสถูกหลอกลวงได้

หลังจากที่คุณประเมินตัวเองแล้วว่า เว็บไซต์ของคุณยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จำเป็นต้องจ้างบริษัททำ SEO และได้รายชื่อบริษัทที่น่าสนใจแล้ว ขั้นต่อไป ควรสอบถามข้อมูลพื้นฐานกับทางบริษัทเสียก่อน ว่าการทำ SEO ที่บริษัทเล็งเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณควรต้องทำเป็นอันดับต้น ๆ มีอย่างไรบ้าง แล้วจะรับประกันผลได้อย่างไร ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอันดับการสืบค้นที่ดีขึ้น หากคำตอบที่ได้สอดคล้องกับหลักการทำ SEO อย่างถูกต้อง ก็มีความน่าสนใจที่คุณจะจ้างงาน ซึ่งคุณสามารถศึกษาขั้นเบื้องต้นได้จากเว็บไซต์ให้ข้อมูล SEO ทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบทะเบียนการค้าของบริษัทเพื่อให้มีการติดตามผู้รับผิดชอบได้ เนื่องจากสัญญาการทำ SEO จะเป็นระยะ 6 เดือน หรือ 1 ปี ขึ้นไป ตามหลักการ SEO ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสมข้อมูลให้ระบบ algorithm ประมวลผล จึงควรเลือกบริษัทที่มั่นใจในความสามารถและมีความรับผิดชอบสูง

เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้นักธุรกิจออนไลน์ที่ไม่แน่ใจในคุณภาพเว็บไซต์ตัวเอง หรือกำลังมองหาบริษัททำ SEO ให้อันดับสืบค้นดีขึ้น ได้เห็นแนวทางในการพิจารณาและปรับใช้กับการเลือกบริษัทที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงในการถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงด้วย

แบบไหนถึงควรจ้างทำ SEO และเลือกอย่างไรดี

เทคนิคการทำ SEO ใน wordpress

Jimbe Allen
19/11/2019
การทำ SEO ผ่าน wordpress

SEO หรือ search engine optimization เป็นเทคนิคการตลาดที่ทำให้เว็บไซต์ทางธุรกิจถูกสืบค้นได้ง่ายยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการตามมาได้ โปรแกรม wordpress เป็นหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้การทำ SEO ง่ายยิ่งขึ้น ถูกออกแบบมารองรับการพัฒนาเว็บไซต์ออนไลน์ได้ง่ายแม้จะเป็นมือใหม่ทำเว็บไซต์

การทำ SEO ผ่าน wordpress มีองค์ประกอบสำคัญอะไรบ้าง

1. ส่วนหัวเรื่อง หรือ Title

การสร้างหัวข้อที่ดึงดูดใจจะต้องมีการใส่ keyword ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ขณะเดียวกัน ต้องสอดคล้องกับเนื้อหาในบทความ โปรแกรม wordpress สามารถเปลี่ยนหัวข้อให้เป็นลิงก์ URL เพื่อความสะดวกในการค้นหาได้มากยิ่งขึ้น

2. ส่วนหัวเรื่องย่อย หรือ Heading

ส่วนนี้มีประโยชน์มาก เพื่อสร้างความเข้าใจเนื้อหาของผู้อ่าน ให้จับประเด็นให้ได้ง่ายยิ่งขึ้น และควรใส่คีย์เวิร์ดและตั้งให้สอดคล้องกับ title เพื่อให้ผลวิเคราะห์ SEO ดีขึ้นด้วย ในเรื่องที่มีความยาวบทความมาก 1000 คำขึ้นไป อาจมี heading 3-4 หัวข้อตามประเด็นในการนำเสนอได้ ซึ่งโปรแกรม wordpress มีช่องให้คลิกสร้างเป็น H1 H2 เพื่อความรวดเร็ว

3. รูปแบบของ keyword

โปรแกรม wordpress มีฟังก์ชั่นให้ทำรูปแบบหลากหลาย เช่น ตัวหนา ตัวเอียง ขีดเส้นใต้ ใส่สีไฮไลท์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเทคนิคที่จะทำให้ระบบอัลกอริทึมของ Google วิเคราะห์ได้ว่า เป็นคำสำคัญที่ตรงกับการค้นหาใน Google search นำไปสู่อันดับ SEO ที่ดียิ่งขึ้นได้ อย่างไรก็ตามไม่ควรจะมีคำซ้ำเกิน 2-3 ครั้ง เพราะอาจจะทำให้วิเคราะห์ว่าเป็นสแปมได้

4. ใส่รูปภาพแบบเพิ่มอันดับ SEO

เมื่อได้รูปภาพที่เหมาะสมกับบทความแล้ว ต้องนำมาทำ SEO ด้วยการกำหนดแท็กที่เรียกว่า alt หรือ Alternative ประกอบ โดย wordpress มีช่องให้คลิกสร้างได้ง่าย ๆ เราขอแนะนำว่าควรใช้ชื่อภาษาอังกฤษ เพื่อไม่ให้มีปัญหาตัวสะกด วรรณยุกต์ที่ผิดพลาด หลายคนอาจไม่รู้ว่าการทำส่วนนี้จะทำให้อันดับ SEO สูงขึ้นได้ รู้อย่างนี้แล้วต้องกรอกข้อมูลเสมอ

5. การทำ Link บทความแบบลัดสั้น

เพียงเตรียมบทความให้พร้อม สำหรับการสร้างลิงค์ ใน wordpress มีปุ่มให้กด insert Link เมื่อผู้อ่านเอาลูกศรไปคลิกที่ช่วงหนึ่งของบทความแค่ประโยคสั้น ๆ ก็จะทำให้เชื่อมโยงไปยังลิงก์ที่มีส่วนขยายความของประโยคนั้น ๆ ได้ทันที

6. การแชร์ไป platform อื่น ๆ

การแชร์บทความเดียวกันไปหลาย platform พร้อมกันจะช่วยประหยัดเวลา ซึ่ง wordpress มีปุ่มให้คลิกได้ว่าจะเชื่อมโยงไปสู่แพลตฟอร์มใดบ้าง เช่น Facebook twitter ฯลฯ เมื่อเลือกแล้ว เพียงกดเผยแพร่บทความครั้งเดียว ก็จะไปปรากฏได้หลายแห่งพร้อมกัน ช่วยประหยัดเวลาและทำให้ลดความผิดพลาดในการทำ Link ใหม่ได้มาก

จะเห็นได้ว่า เทคนิคการใช้โปรแกรม wordpress เพื่อการทำ SEO เป็นสิ่งให้ประโยชน์กับการทำธุรกิจออนไลน์ ช่วยประหยัดเวลาและยังเสริมอันดับการสืบค้นเพิ่มยอดขายได้อย่างชัดเจน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านสนใจการเรียนรู้ wordpress เพื่อส่งเสริมธุรกิจให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น

เทคนิคการทำ SEO ใน wordpress

มือใหม่ทำเว็บไซต์ออนไลน์ ควรรู้ Yoast SEO คืออะไร

Jimbe Allen
03/11/2019
Yoast SEO สำคัญมาก ต้องเรียนรู้

การทำเว็บไซต์ออนไลน์ เพื่อส่งเสริมยอดการขายให้สูงขึ้นและทำให้แบรนด์ธุรกิจติดตลาดได้นั้น จำเป็นจะต้องมีการทำเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับระบบ SEO หรือ search engine optimization ซึ่ง Google มีการกำหนดมาตรฐานในการเปรียบเทียบระดับคุณภาพของบทความและส่วนประกอบอื่น ๆ ในเพจต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบฐานข้อมูล

Yoast SEO สำคัญมาก ต้องเรียนรู้

ทั้งนี้ ระบบ algorithm ของ Google นับว่าเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความซับซ้อนในการวิเคราะห์สูง ดังนั้น การเรียนรู้เทคนิคการใช้เครื่องมือเสริมอย่างปลั๊กอิน Yoast SEO เพื่อการแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ในองค์ประกอบบทความได้อย่างรวดเร็ว จึงจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจกับแบรนด์สินค้ารายอื่นได้

ปลั๊กอิน Yoast SEO เป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ฟรี มีผู้ใช้งานกันทั่วโลกหลายสิบล้านเว็บไซต์ ซึ่งสามารถที่จะติดตั้งได้ง่าย เพียงเข้าไปที่ dashboard แล้วคลิกเลือกเพิ่มปลั๊กอิน พิมพ์ชื่อ Yoast SEO ก็ทำการติดตั้งได้เลย

เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา จะมีช่องให้แก้ไขทำการใส่ข้อมูล ที่เรียกว่า Yoast Metabox ซึ่งสามารถใช้งานง่าย โดยให้เจ้าของเว็บไซต์ทำการใส่หัวเรื่อง (Title) และคำอธิบายเพจ (Meta Description) เพื่อให้ ปลั๊กอิน Yoast SEO วิเคราะห์ว่ามีประสิทธิภาพในการสื่อสารดีเพียงใด โดยจะแสดงผลการประเมินเป็นแถบสีเขียว (แปลว่าควรเพิ่มเติมข้อมูลอีก) หรือสีแดง (แปลว่าข้อมูลส่วนนี้มากเกินไปหรือไม่เหมาะสม) จะทำให้เกิดการแก้ไขได้ทันก่อนการนำขึ้นไปใช้จริงในเว็บไซต์

นอกจากนี้ ยังมีส่วนของการวิเคราะห์คำสำคัญ หรือ Focus keyword ที่สามารถเช็คได้ด้วย ปลั๊กอิน Yoast SEO เช่นกัน ซึ่งสามารถทดสอบได้อย่างรวดเร็วว่าผลงานบทความ SEO ที่ผลิตนั้น มีผลดีต่ออันดับ SEO เพียงใด

โดยระบบจะวิเคราะห์ออกมาว่า keyword ที่ใช้นั้นมีความจำเพาะเจาะจงเหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากน้อยเพียงใด ควรเพิ่มความยาวของคีย์เวิร์ดเป็น Long-tailed keywords (เพิ่มความจำเพาะต่อลูกค้ามากขึ้น เช่น “รองเท้าวิ่ง สตรี ยี่ห้อXX รุ่นYY” จะจำเพาะกว่าคำว่า “รองเท้าวิ่ง” เป็นต้น) ทั้งยังมีส่วนหมายเหตุที่แนะนำอย่างละเอียดว่า ควรใส่ keyword ซ้ำกี่ครั้ง และกระจายในบทความอย่างไร จึงจะเหมาะสม จึงนับว่าเป็นผู้ช่วยที่สำคัญสำหรับผู้ต้องการทำเว็บไซต์ทางธุรกิจแนว SEO ที่มุ่งหวังความสำเร็จอย่างมากมือใหม่ทำเว็บไซต์ออนไลน์ ควรรู้ Yoast SEO คืออะไร

สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือ ปลั๊กอิน Yoast SEO มีส่วนเครื่องมือเสริม (tools) ที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสะดวกขึ้น เช่น ระบบใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น Bulk Edit เป็นเทคนิคในการแก้ไข SEO ทั้งหมดในเว็บไซต์ในครั้งเดียว จึงช่วยประหยัดเวลาได้มาก เพราะว่าไม่ต้องคลิกไปแต่ละหน้าของเพจ และสามารถส่งข้อมูล Import และ Export อย่างง่ายดาย เพื่อการสำรองข้อมูลหรือการตั้งค่าต่าง ๆ ทางเทคนิคได้อีกด้วย

จะเห็นได้ว่า ปลั๊กอิน Yoast SEO เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนทำเว็บไซต์ที่ต้องการเสริมศักยภาพในการแข่งขันกับธุรกิจรายอื่น โดยควรศึกษาร่วมกับพื้นฐานการทำ SEO ตั้งแต่เนิ่น ๆ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านทำธุรกิจออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จทั้งในยอดขายและสร้างแบรนด์ได้ติดตลาด จากการพัฒนาตามระบบ SEO ที่ถูกต้อง

SEO คืออะไร ทำไมจึงควรทำตั้งแต่เริ่มเปิดเว็บไซต์

Jimbe Allen
15/10/2019
On-Page SEO และ Off-Page SEO ซึ่งมีหลักการที่สำคัญ

การซื้อขายสินค้าออนไลน์เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ซื้อและผู้ขายเชื่อมโยงกันได้ด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่มีความไวสูง แบบ 5G ทำให้ไม่มีข้อจำกัดในการซื้อขาย และทำให้ลดข้อจำกัดในการต้องเสียค่าเช่าพื้นที่หน้าร้านแบบ Offline อย่างในอดีตอีกด้วย

การทำ SEO เป็นเทคนิคการตลาด ที่ไม่ต้องเสียค่าประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัทหรือ Search Engine อย่าง Bing, Yahoo และ Google ในการที่จะให้เว็บไซต์ถูกปรากฏต่อสายตาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในอันดับต้น ๆ เพียงแค่ทำตามหลักเกณฑ์ที่ Search Engine กำหนด เว็บไซต์ที่เปิดใหม่ก็สามารถติดอันดับต้นในการสืบค้น สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์และทำให้มีลูกค้าประจำได้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ขอเพียงศึกษาการทำ SEO อย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าและบริการ ก็จะประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ได้อย่างแน่นอน

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ On-Page SEO และ Off-Page SEO ซึ่งมีหลักการที่สำคัญ ดังนี้

1. On-Page SEO คือ การออกแบบโครงสร้างของเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับความต้องการหรือการใช้งานจริงของกลุ่มผู้บริโภค

ตัวอย่างเช่น ต้องสามารถใช้งานได้ง่ายทั้งในระบบโทรศัพท์มือถือ และหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกว่า Mobile Friendly ทั้งต้องออกแบบให้เว็บไซต์ถูกจดจำได้ง่าย ด้วยตัวรูปแบบตัวอักษรและโลโก้ที่ไม่เหมือนใคร ธีมสีที่ใช้ก็ต้องสบายตาและสื่อถึงแบรนด์สินค้าได้มากที่สุด

นอกจากนี้ คุณภาพของบทความก็สำคัญ ควรใช้ Keyword SEO ที่ผ่านการวิจัยแล้วว่า ตรงกับการสืบค้นของสินค้าและบริการนั้น ๆ ในการผลิตบทความที่ดี โดยใส่รายละเอียดในเนื้อหาที่มีความทันสมัยและไม่ใส่ Keyword ซ้ำมากเกินไป จนทำให้บทความไม่เป็นธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าบทความสแปม (Spam)

SEO คืออะไร ทำไมจึงควรทำตั้งแต่เริ่มเปิดเว็บไซต์

2. Off-Page SEO หมายถึง การทำลิงก์เชื่อมโยงเว็บไซต์ทำธุรกิจกับเว็บไซต์ภายนอก เป็นเทคนิคในการสร้างความรู้จักคุ้นเคยระหว่างแบรนด์กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น เพียงไปให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับวงการของสินค้าและบริการที่เว็บไซต์คุณทำอยู่

ตัวอย่างเช่น คุณทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสุนัข ก็สามารถไปให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุนัขและการเลือกอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยได้ เมื่อมีผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง คุณก็สามารถให้ URL Address เว็บไซต์ไว้ เพื่อให้กลุ่มคนเป้าหมายคลิกเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะนำไปสู่การขายสินค้าในอนาคตได้

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ตั้งแต่เริ่มต้นของการทำธุรกิจ เป็นโอกาสในการทำให้แบรนด์ติดตลาดได้อย่างรวดเร็ว และทำให้อันดับในการสืบค้นผ่าน Search Engine ดียิ่งขึ้นด้วย ผู้ที่ทำเว็บไซต์รุ่นใหม่ ๆ จึงควรศึกษาการทำ SEO ไปพร้อมกันกับการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ประสบความสำเร็จธุรกิจออนไลน์อย่างแน่นอน