ปัญหาคาใจ ใส่คีย์เวิร์ดอย่างไร SEO จึงประสบความสำเร็จ

ทุกวันนี้การทำ SEO เป็นที่พูดถึงกันมากและแพร่หลาย หลายคนแนะนำร้านค้าออนไลน์ใช้บริการรับทำ SEO เชื่อว่าจะทำให้อันดับการค้นหาสินค้าและบริการในกูเกิ้ลดีขึ้น ด้วยการใช้คีย์เวิร์ดที่คนสนใจ จะทำให้การค้นหาของลูกค้าเข้ามาเชื่องโยงกับเว็บของคนขายมากขึ้น เพิ่มจำนวนคนเข้าดูมากเท่าไร ก็มีโอกาสปิดยอดขายได้มากขึ้นเท่านั้น … เมื่อรู้ข้อดีของการติดอันดับต้นๆ แล้วและเริ่มอยากทำ SEO ขึ้นมาบ้าง แต่ยังไม่ทราบว่าควรจะเลือกคีย์เวิร์ดอะไรเพื่อทำให้คนค้นหามาเจอสินค้าของเรา ถ้าเขียนคอนเทนต์เองไม่เป็น สามารถจ้างบริษัทรับทำบทความเพื่อการตลาดออนไลน์ได้ แต่ต้องใช้บทความแนวไหนบ้าง จะโฆษณาขายของอย่างเดียว หรือเสริมคอนเทนต์ทั่วไปที่ลูกค้าสนใจอ่าน จะแบ่งสัดส่วนบทความทั้งสองแบบอย่างไร คำถามสุดท้ายสำคัญที่สุดคือจะเลือกคีย์เวิร์ดอย่างไร ในเมื่อมีคีย์เวิร์ดหลายตัวมากให้เลือกทำและควรใส่คีย์ในบทความปริมาณเท่าใด ใส่คีย์เวิร์ดกี่ครั้งจึงจะเหมาะสม

คำตอบและการวางแผนของเหล่า SEO

ก่อนอื่นเราต้องวางแผนโครงสร้างเว็บไซต์ในส่วนของคอนเทนต์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 แบบหลัก คือ 1.รายละเอียดของสินค้าและบริการ 2.ความรู้ทั่วไปที่เป็นประโยชน์ 3.เนื้อหาที่แฝงโฆษณาจูงใจ โดย 2 แบบแรกจะเน้นประมาณ 80% ของคอนเทนต์ทั้งหมดที่มีอยู่ในเว็บไซต์ ส่วนโฆษณาขายของเป็นส่วนที่เหลือ 20% สำหรับการทำ SEO เราเลือกใส่คีย์เวิร์ดที่เป็นหัวใจหลักของสินค้า โดยจะมีคีย์หลักและคีย์รองลดหลั่นไปตามลำดับ เช่น ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวประเภทหม้อสุกี้ , เตาย่างบาบีคิว , กระทะไฟฟ้า , เตาปิ้งย่าง , หม้อหุงข้าว , หม้อนึ่ง เริ่มจากคีย์เวิร์ดหลักคือ ‘เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว’ จากนั้นจะขยายความเป็นคีย์เวิร์ดรอง เช่น “เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว หม้อสุกี้” หรือ “เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว เตาย่างบาบีคิว” อาจจะตามด้วยคีย์เวิร์ดอื่นๆ อย่าง “หม้อนึ่ง ตัดไฟอัตโนมัติ” หรือ “เตาย่างอเนกประสงค์ พร้อมหม้อสุกี้” เป็นคีย์เวิร์ดที่โยงใยคำค้นหาของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมาจับคู่กับสินค้าของเราโดยตรง ส่งผลให้ลูกค้าคลิกเข้าหาเว็บไซต์ขายสินค้าของเรามากกว่าเว็บอื่นๆ

ปัญหาของการทำคอนเทนต์ใส่ในเว็บไซต์ คือ เลือกจับคีย์เวิร์ดตัวใดตัวหนึ่งมาใส่ ขอเพียงให้ตรงกับสินค้าและบริการโดยไม่ได้คำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายว่าต้องการอะไรกันแน่ ทำให้ผู้ที่เข้ามาอ่านไม่ได้สิ่งที่คาดหวังจากคอนเทนต์ เจออย่างนี้บ่อยๆ ก็ไม่กลับมาอ่านซ้ำอีก แม้เราจะอัพเดทบทความบ่อยแค่ไหนก็ตาม จึงเป็นหน้าที่ของเว็บขายของซึ่งจ่ายเงินซื้อคอนเทนต์และจ้างทำ SEO ไปแล้วต้องใช้ให้คุ้มค่า อย่างน้อยควรแจ้งรายละเอียดเพื่อตีกรอบเนื้อหาบทความที่ต้องการอย่างชัดเจน ทำให้การเขียนบทความอ้างอิงไปยังตัวสินค้าได้ถูกต้อง แทรกคำคีย์เวิร์ดเข้าไปอย่างแนบเนียน จำนวน 2-4 คำ ต่อบทความ วางแผนใส่แบบกระจายในเนื้อหา ทำให้คนหาเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น

การใส่คียเวิร์ด SEO

ความจริงแล้วไม่ใช่วิธีการยากเย็นอะไรสำหรับผู้ที่เขียนบทความทำ SEO เป็นประจำ แต่การแข่งขันในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ต้องเพิ่มศักยภาพของตัวเองให้ไปไกลจากคู่แข่งมากที่สุด เทคนิคง่ายๆ คือเข้าไปสำรวจตลาดว่าคู่แข่งมีดีอย่างไร เราต้องทำให้เหนือกว่าและต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้โดยจะต้องมีการปรับตัวให้ทันโลกตลอดเวลาด้วย เรามีดีอะไร ทำให้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับออกแบบเว็บให้ใช้งานง่าย เนื้อหากระชับพอดีและโหลดเร็วบนมือถือ เพราะเราไม่ได้ต้องการแค่อยู่รอดเท่านั้น ต้องมีกำไรให้ต่อยอดไปข้างหน้าด้วย จึงจะถึงเป้าหมายความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจ ทำให้ดีสุดกำลังไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวิกฤตหรือโอกาสก็ตาม

นับวัน การสู้กับอัลกอริทึ่มตัวใหม่เริ่มยากขึ้น

ยากขึ้น

เรารู้กันดีว่า ปัจจุบันอันกอริทึมที่ Google ได้นำมาใช้ มันสามารถเรียนรู้และปรับเปลี่ยนกลไกคะแนนต่างๆได้ด้วยตัวมันเองในระดับหนึ่ง หรืออาจจะสามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้งหมดผู้เขียนก็ไม่แน่ใจนัก รู้แค่ว่ามันสามารถเรียนรู้ปรับปรุงได้จากพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้โดยรวม และนำมาลดค่าคะแนนบางส่วน เพิ่มบางส่วน ในการจัดอันดับของผลการค้นหาได้เองภายใต้ Search Engine ของ Google ทำให้นักทำ SEO ที่เคยยึดติดกับวิธีใดวิธีหนึ่ง อาจจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป ในเมื่อมันมีการสวิงขึ้นลงไปมามันไม่สามารถทำอันดับนิ่งคงที่อยู่ได้

เราอาจจะฟลุ๊คโชคดีเว็บไซต์ไปติดอันดับแรกของผลการค้นหาใน Keyword ที่มีการแข่งขันสูง เราก็เลยเข้าใจว่าเรานี้เก่ง SEO ตัวจริง แต่แท้จริงเมื่อเวลาผ่านไปสักอาทิตย์หนึ่ง อันดับเว็บไซต์กับร่วงหาย เราจะตอบไปว่าอย่างไร… ? คำตอบก็คือจริงๆแล้วไม่มีใครหรอกที่สามารถเข้าใจกลไกการจัดอันดับเว็บไปได้ตลอด การทำ SEO ให้ยั่งยืนนั้น จะต้องเรียนรู้ ฝักใฝ่หาข้อมูล ทดลองอยู่สม่ำเสมอ เพราะอันกอริทึ่มมันปรับตลอดโดยไม่บอกเรา การที่เราจะมารอข่าวจากเว็บต่างประเทศแล้วค่อยปรับเปลี่ยนนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก อาจจะเสียเวลาทำเงินไปเยอะพอสมควร

ทดลองปรับแต่งด้วยตัวเองคงดีกว่า

ปรับแต่งเอง

จะดีกว่าถ้าเรารู้จักจับผิดว่าส่วนไหนที่ Google มีการปรับปรุงครั้งล่าสุด แล้วดูโดยรวมมันให้คะแนนสำคัญกว่าส่วนอื่น อย่างก่อนหน้านี้ แบคลิงค์ถูกลดความสำคัญลง คะแนนโซเชียลถูกให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น และถัดมาก็ได้ให้ความสำคัญกับปริมาณผู้ใช้มากกว่า หากผู้ใช้มีการอยู่ในเว็บไซต์ในระยะยาวขึ้น ไม่ได้เปิดมาแล้วปิดทิ้งทันที แบบนี้อันดับจะดีขึ้น แต่ปัจจุบันก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนกลไกเหล่านี้ไปอีก ของเหล่านี้ไม่มีใครมาตอบเราได้นอกจากผู้ให้บริการเจ้าของตัวจริงอย่าง Google เพียงผู้เดียว แต่เขาก็ไม่มาบอกเราหรอก เราจึงต้องหัดอ่านใจอัลกอริทึ่มและศึกษา รู้จักสังเกต ทดลอง นี่คือวงจรชีวิตของเรานักทำ SEO ที่จะสามารถขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดและอยู่ในวงการนี้ได้อย่างยั่งยืน เรียนรู้และทดลองเท่านั้น ที่จะตอบโจทย์ได้ว่าปัจจุบันการทำรูปแบบไหนถึงจะได้ผลมากที่สุดในการทำอันดับเว็บ

แหล่งเรียนรู้ฟรีมีเยอะ อย่าพึ่งเสียเงินซื้อคอร์ส

seo

คนมีตังค์เอะอะไรก็จะซื้อนู่นซื้อนี่ ทั้งข้าวของใช้ที่ชื่นชอบรวมไปถึงแหล่งความรู้ออนไลน์ต่างๆ ซึ่งแท้จริงนั้นโลกออนไลน์ในยุคปัจจุบันมันไม่จำเป็นจะต้องเสียงเงินเสมอไป ของที่เป็นคอร์สราคาแพงอาจสู้ขอฟรีที่ดูบน YouTube ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ในการศึกษา SEO นั้นทั้งในรูปแบบวิดีโอและเนื้อหา เราสามารถหาแหล่งความรู้ฟรีได้จากเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งเว็บไซต์เหล่านั้นมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อยู่ที่ว่าเราจะชื่นชอบเว็บไซต์ไหนเป็นหลัก

อย่างถ้าให้ผู้เขียนแนะนำจะขอแนะนำเว็บไซต์ MOZ.COM เว็บไซต์นี้ เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการ analytics วิเคราะห์ข้อมูลภายในของเว็บในรูปแบบของ offpage เป็นหลัก และยังมีเครื่องมืออีกหลากหลายชนิดด้วย นอกจากนี้ยังมีกูรูที่คอยทดสอบ seo อยู่อย่างสม่ำเสมอ ได้นำแนวทางที่ตัวเองทำมาแจกจ่ายแบ่งปันแก่สมาชิกที่ได้ติดตามข่าวสารผ่านหน้าเว็บไซต์ของเขา ส่วนเว็บของไทยนั้นจะมีอยู่หลายเว็บก็ต้องลองเลือกเอาดู

เราจะเชื่อว่าได้ผล ต้องลองทดสอบเอง

seo ทดสอบเอง

ไม่ว่าจะเป็นแหล่งไหนความรู้ใด เมื่อเราได้ลองศึกษาแล้ว เราอย่าพึ่งปักใจเชื่อ 100% เพราะจำไว้ว่าหลักการทำงานของ seo นั้น ไม่ว่าจะทำขึ้นตรงกับผู้ให้บริการเสร็จเอ็นจิ้นใด Google Yahoo Bing หรือ Baidu ก็ไม่มีใครที่สามารถรู้กลไกการจัดอันดับแต่อย่างแท้จริง ทุกอย่างเป็นเพียงการทดสอบ ทดลอง และมองหาความเป็นไปได้มากที่สุดเพียงแค่นั้น เราจึงควรนำข้อที่เราคิดว่ามันน่าจะได้ผลมาทดสอบดูอีกทีนึง

ถ้าเคสไหนมันได้ผลจริง ก็จงเลือกวิธีนั้นโน้ตไว้ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยการทำอันดับของ seo สะสมและเรียนรู้จากของฟรีเรานี้ เราอาจจะเก่งกว่าคนที่มีตังแล้วเอาแต่นั่งเรียนอย่างเดียวโดยปักใจเชื่อคอร์สที่เค้าสอนมา แต่ขาดการทดลองทำด้วยตัวเอง ของจริงที่จะเก่งได้ต้องทดลองแต่เจอปัญหาด้วยตัวเองเท่านั้น